บทนำ: Hedging คืออะไร และทำไมถึงสำคัญ?
ในยุคที่การลงทุนและการทำธุรกิจต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนมากมาย โดยเฉพาะในตลาดการเงินที่ปรับตัวเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว กลยุทธ์หนึ่งที่ช่วยให้นักลงทุนและเจ้าของกิจการจัดการกับความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพคือการเฮดจิ้ง หรือที่รู้จักกันในชื่อ Hedging ซึ่งเป็นวิธีการป้องกันความเสี่ยงทางการเงินผ่านเครื่องมือหรือแผนการต่าง ๆ เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของราคาหรืออัตราแลกเปลี่ยนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
จุดมุ่งหมายหลักของการเฮดจิ้งไม่ใช่การแสวงหากำไรสูงสุด แต่เน้นไปที่การรักษาความมั่นคงของมูลค่าสินทรัพย์หรือกระแสเงินสด โดยเฉพาะสำหรับผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกนำเข้าซึ่งต้องรับมือกับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน หรือนักลงทุนที่อยากปกป้องพอร์ตของตัวเองจากความเคลื่อนไหวของตลาด การนำกลยุทธ์นี้มาใช้จึงช่วยสร้างความมั่นใจและลดความกังวลในการวางแผนด้านการเงินให้มากขึ้น

กลไกการทำงานของ Hedging: ป้องกันความผันผวนอย่างไร?
การเฮดจิ้งดำเนินการโดยการสร้างสถานะที่ตรงข้ามกับความเสี่ยงที่คุณกำลังเผชิญอยู่ในตลาด เพื่อให้สามารถชดเชยผลกระทบหากสถานะหลักของคุณถูกกระทบจากความผันผวน เช่น ถ้าคุณเป็นผู้ส่งออกที่คาดว่าจะได้รับเงินดอลลาร์ในอีกสามเดือน แต่กังวลว่าค่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นซึ่งอาจทำให้ได้เงินบาทน้อยลง คุณสามารถทำสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า หรือ Forward Contracts เพื่อกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนไว้ตั้งแต่ตอนนี้สำหรับการทำธุรกรรมในอนาคต
หลักการนี้พึ่งพาเครื่องมือทางการเงินแบบอนุพันธ์ ซึ่งเป็นสัญญาที่มีมูลค่าอ้างอิงจากสินทรัพย์พื้นฐาน เช่น หุ้น พันธบัตร สินค้าโภคภัณฑ์ หรือสกุลเงิน เมื่อมูลค่าสินทรัพย์อ้างอิงเปลี่ยนแปลง สัญญาอนุพันธ์จะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกับความเสี่ยงของคุณ เพื่อช่วยลดผลขาดทุนที่อาจเกิดจากสถานะหลักได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ประเภทของ Hedging: เลือกใช้กลยุทธ์ไหนให้เหมาะสม?
การเฮดจิ้งมีรูปแบบและกลยุทธ์หลากหลาย ขึ้นอยู่กับระดับความเสี่ยงและความต้องการในการป้องกัน โดยสามารถแบ่งออกเป็นประเภทหลัก ๆ ดังนี้
Micro Hedging (การเฮดจิ้งรายรายการ): เน้นป้องกันความเสี่ยงสำหรับธุรกรรมหรือสินทรัพย์เฉพาะรายการ เช่น การจัดการความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับสัญญาซื้อขายสินค้าชิ้นเดียว
Macro Hedging (การเฮดจิ้งระดับมหภาค): ครอบคลุมการป้องกันความเสี่ยงสำหรับพอร์ตการลงทุนทั้งหมดหรือภาพรวมธุรกิจ โดยใช้เครื่องมือที่จัดการสินทรัพย์หลายประเภทพร้อมกัน
Full Hedging (การเฮดจิ้งเต็มจำนวน): ป้องกันความเสี่ยงได้ 100% ของมูลค่าสินทรัพย์หรือธุรกรรม เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่สูญเสียจากความผันผวน แต่ก็อาจทำให้พลาดโอกาสกำไรหากตลาดเคลื่อนไหวไปในทางที่ดี
Partial Hedging (การเฮดจิ้งบางส่วน): ป้องกันเพียงบางส่วนของมูลค่า เพื่อรักษาสมดุลระหว่างการลดความเสี่ยงและการเปิดรับผลตอบแทนที่อาจสูงกว่า ซึ่งการเลือกมักขึ้นอยู่กับระดับความเสี่ยงที่นักลงทุนยอมรับได้
ในการเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสม ควรพิจารณาจากขนาดของความเสี่ยง ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง และเป้าหมายทางการเงินที่ชัดเจน เพื่อให้การป้องกันเกิดประโยชน์สูงสุด

Fx Hedging คืออะไร: การป้องกันความเสี่ยงค่าเงินที่สำคัญที่สุด
Fx Hedging หรือการเฮดจิ้งอัตราแลกเปลี่ยนต่างประเทศ คือวิธีการป้องกันความเสี่ยงจากความเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงิน ซึ่งมีความสำคัญยิ่งสำหรับธุรกิจที่ทำการค้าระหว่างประเทศ เช่น ผู้ส่งออกและผู้นำเข้า รวมถึงนักลงทุนที่ถือสินทรัพย์ต่างแดน ความผันผวนของค่าเงินสามารถกระทบต่อรายได้ ต้นทุน และกำไรของกิจการได้อย่างรุนแรง
ตลาด Forex มีสภาพคล่องสูงและเคลื่อนไหวไม่หยุดนิ่ง แม้การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในอัตราแลกเปลี่ยนก็อาจสร้างผลกระทบใหญ่โตได้ เช่น ถ้าบริษัทไทยสั่งสินค้าจากต่างประเทศด้วยเงินดอลลาร์ แต่ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงก่อนวันชำระ บริษัทจะต้องใช้เงินบาทมากขึ้นเพื่อซื้อดอลลาร์ ส่งผลให้ต้นทุนพุ่งและกำไรหดตัว การนำ Fx Hedging มาใช้จึงช่วยล็อกอัตราแลกเปลี่ยน สร้างความแน่นอนในการวางแผนการเงินให้กับธุรกิจ
ธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT) มีหน้าที่ดูแลความเสถียรของค่าเงินบาท และให้ข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงค่าเงินที่ธุรกิจสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง
เครื่องมือหลักในการทำ Fx Hedging
เครื่องมือยอดนิยมสำหรับ Fx Hedging มีหลายแบบ แต่ที่ใช้กันแพร่หลาย ได้แก่
สัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า (Forward Contracts): เป็นข้อตกลงระหว่างสองฝ่ายในการซื้อหรือขายสกุลเงินจำนวนหนึ่งในอัตราแลกเปลี่ยนที่ตกลงไว้ล่วงหน้า โดยมีการส่งมอบเงินจริงในอนาคต เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการความแน่นอนในการวางแผนกระแสเงินสด
สัญญา Options (สัญญาออปชั่น): ให้สิทธิ์แต่ไม่บังคับในการซื้อหรือขายสกุลเงินในอัตราที่กำหนด (ราคาใช้สิทธิ) ภายในเวลาที่ตั้งไว้ ผู้ซื้อต้องจ่ายค่าพรีเมียมล่วงหน้า แต่ถ้าอัตราแลกเปลี่ยนไม่เป็นไปตามคาด สามารถละสิทธิ์ได้ ซึ่งต่างจาก Forward Contracts ที่ผูกมัดแน่นอน
Futures Contracts (สัญญาฟิวเจอร์ส): คล้าย Forward Contracts แต่เป็นสัญญามาตรฐานที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ที่กำกับดูแล เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการซื้อขายก่อนครบกำหนด
| เครื่องมือ Hedging | ลักษณะสำคัญ | ข้อดี | ข้อเสีย |
|---|---|---|---|
| Forward Contracts | สัญญาเฉพาะบุคคล, ไม่มีมาตรฐาน, ส่งมอบจริงในอนาคต | ล็อกอัตราแลกเปลี่ยนแน่นอน, เหมาะกับความต้องการเฉพาะเจาะจง | มีภาระผูกพันเสมอ, ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากอัตราแลกเปลี่ยนที่ดีขึ้นได้ |
| Options | สิทธิแต่ไม่ใช่ภาระผูกพัน, จ่ายค่าพรีเมียม | มีความยืดหยุ่น, สามารถใช้ประโยชน์จากอัตราแลกเปลี่ยนที่ดีขึ้นได้ | มีค่าใช้จ่ายล่วงหน้า (ค่าพรีเมียม), หากไม่ใช้สิทธิ ค่าพรีเมียมจะสูญเปล่า |
| Futures Contracts | สัญญามาตรฐาน, ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์, อาจมีการวางหลักประกัน | มีสภาพคล่องสูง, สามารถซื้อขายเปลี่ยนมือได้ง่าย, มีความโปร่งใสสูง | มีข้อกำหนดมาตรฐาน (ขนาดสัญญา, วันหมดอายุ), อาจต้องวางหลักประกันและมีการเรียกหลักประกันเพิ่ม (Margin Call) |
Hedging ในบริบทของการลงทุนไทย: มุมมองสำหรับนักลงทุน
สำหรับนักลงทุนในประเทศไทย การเฮดจิ้งไม่ได้จำกัดแค่การจัดการความเสี่ยงค่าเงินจากการค้า แต่ยังขยายไปถึงการบริหารความเสี่ยงในสินทรัพย์ต่าง ๆ โดยเฉพาะเมื่อลงทุนข้ามพรมแดนหรือในตลาดที่ผันผวนมาก
ตัวอย่างเช่น การเฮดจิ้งกองทุนรวมที่ลงทุนต่างประเทศ ซึ่งกองทุนเหล่านี้อาจป้องกันความเสี่ยงค่าเงินโดยอัตโนมัติ หรือนักลงทุนสามารถเลือกกองที่ไม่เฮดจิ้งเพื่อรับความเสี่ยงเองและหวังผลตอบแทนสูงกว่า การทำความเข้าใจนโยบายเฮดจิ้งของกองทุนที่เลือกจึงเป็นเรื่องสำคัญเพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ส่วนตัว
นอกจากนี้ ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ก็มีเครื่องมือเฮดจิ้งผ่านอนุพันธ์ เช่น การซื้อขาย SET50 Index Futures เพื่อปกป้องพอร์ตหุ้นขนาดใหญ่ หรือใช้ Options เพื่อจำกัดขาดทุน นักลงทุนสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมจาก ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อเข้าใจเครื่องมือเหล่านี้ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
Hedging กับ Cryptocurrency: ความท้าทายและโอกาส
ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีเป็นตลาดที่ผันผวนอย่างมาก ราคาของ Bitcoin Ethereum หรือเหรียญดิจิทัลอื่น ๆ สามารถเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและรุนแรง ทำให้การเฮดจิ้งในส่วนนี้ทั้งท้าทายและน่าดึงดูด แม้หลักการพื้นฐานจะคล้ายกับตลาดการเงินแบบดั้งเดิม แต่ลักษณะเฉพาะของคริปโตก็ทำให้ต้องพิจารณาเพิ่มเติม
นักลงทุนสามารถใช้ Futures Contracts หรือ Options ที่อ้างอิงคริปโตเพื่อป้องกัน เช่น ถ้าถือ Bitcoin และกังวลว่าราคาจะตก คุณอาจเปิดสถานะ Short ใน Bitcoin Futures เพื่อชดเชยขาดทุนจากราคาในตลาด Spot
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายหลักคือสภาพคล่องที่อาจต่ำกว่าเครื่องมืออื่น ๆ จำนวนตัวเลือกอนุพันธ์ที่จำกัด และความซับซ้อนในการซื้อขาย ดังนั้น การทำความเข้าใจแพลตฟอร์มและเครื่องมือจึงจำเป็นเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่ไม่คาดคิด
ข้อดีและข้อเสียของการทำ Hedging: คุ้มค่าหรือไม่?
การเฮดจิ้งมีทั้งประโยชน์และข้อจำกัดที่นักลงทุนและธุรกิจควรชั่งน้ำหนักให้ดี
ข้อดีของการเฮดจิ้ง:
- ลดความเสี่ยงและความไม่แน่นอน ช่วยให้คาดการณ์กระแสเงินสดหรือผลตอบแทนได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
- เพิ่มความมั่นใจในการวางแผน ทำให้ธุรกิจดำเนินการและลงทุนได้อย่างราบรื่น โดยไม่ต้องกังวลกับความผันผวนกะทันหัน
- ปกป้องกำไร ช่วยรักษาระดับกำไรที่ตั้งเป้าไว้ แม้ตลาดจะไม่เป็นใจ
- สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ธุรกิจที่จัดการความเสี่ยงดีกว่าอาจนำเสนอราคาหรือแข่งขันได้เหนือกว่า
ข้อเสียของการเฮดจิ้ง:
- มีค่าใช้จ่าย เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าคอมมิชชั่น หรือค่าพรีเมียมสำหรับ Options ซึ่งอาจกินกำไรสุทธิ
- พลาดโอกาสกำไร ถ้าตลาดเคลื่อนไหวดี (เช่น ค่าเงินแข็งค่าขึ้นสำหรับผู้ส่งออก) การเฮดจิ้งอาจทำให้เสียโอกาสรับผลตอบแทนสูง
- ความซับซ้อน เครื่องมือบางตัวต้องใช้ความรู้ลึกซึ้งในการใช้งาน
- ความเสี่ยงจากคู่สัญญา โดยเฉพาะ Forward Contracts กับธนาคาร หากคู่สัญญาไม่สามารถปฏิบัติตามได้
ในประเทศไทย ค่าใช้จ่ายสำหรับเฮดจิ้งอาจแตกต่างตามสถาบันและเครื่องมือ การประเมินความคุ้มค่าควรคำนวณว่าประโยชน์จากการลดเสี่ยงคุ้มกับต้นทุนที่จ่ายไปหรือไม่ โดยเฉพาะในบริบทเศรษฐกิจที่ผันผวน
ข้อควรระวังและข้อผิดพลาดที่พบบ่อยในการ Hedging ในไทย
ถึงแม้การเฮดจิ้งจะเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ แต่ก็มีข้อควรระวังและความผิดพลาดที่นักลงทุนไทยมักเจอ ซึ่งอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่ดี
- เข้าใจผิดเกี่ยวกับจุดประสงค์: บางคนคิดว่าเฮดจิ้งคือการเก็งกำไร แต่จริง ๆ แล้วมันมุ่งลดความเสี่ยง ไม่ใช่แสวงหากำไรสูงสุด
- เลือกเครื่องมือไม่เหมาะสม: การใช้เครื่องมือที่ไม่ตรงกับความเสี่ยงหรือความต้องการ อาจเพิ่มความยุ่งยากหรือต้นทุนโดยไม่จำเป็น
- ละเลยต้นทุน: ไม่คำนึงถึงค่าธรรมเนียมหรือค่าพรีเมียม อาจทำให้ผลตอบแทนสุทธิลดลงอย่างเห็นได้ชัด
- เฮดจิ้งเกินจำเป็น (Over-hedging): ป้องกันมากเกินไปอาจทำให้พลาดกำไรและเพิ่มค่าใช้จ่ายฟรี
- ไม่ศึกษาข้อมูลและกฎระเบียบ: ตลาดทุนไทยและ Forex มีกฎที่ต้องรู้ นักลงทุนควรหาข้อมูลจาก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และสถาบันที่น่าเชื่อถือ
- ไม่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: สำหรับรายย่อยหรือธุรกิจเล็ก การขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินหรือธนาคารที่มีประสบการณ์จะช่วยเลือกกลยุทธ์ที่ตรงจุด
สรุป: Hedging กลยุทธ์บริหารความเสี่ยงที่ชาญฉลาด
การเฮดจิ้งคือกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยบริหารความเสี่ยงอย่างชาญฉลาดในโลกการเงินที่เต็มไปด้วยความผันผวน ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจที่รับมือกับความเสี่ยงค่าเงิน หรือนักลงทุนที่ต้องการปกป้องพอร์ต การเข้าใจกลไก รูปแบบ และเครื่องมือต่าง ๆ จะช่วยให้ตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูล ลดผลกระทบจากความไม่แน่นอนของตลาด
เฮดจิ้งไม่ได้การันตีว่าจะไม่มีขาดทุน แต่ช่วยควบคุมความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ ส่งผลให้เกิดความมั่นคงทางการเงินและการลงทุนที่ยั่งยืน อย่างไรก็ตาม การเลือกกลยุทธ์และเครื่องมือที่เหมาะสม รวมถึงการศึกษาข้อมูลละเอียดและขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ เป็นก้าวสำคัญก่อนเริ่มใช้งาน เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดและสอดคล้องกับเป้าหมาย
Hedging คืออะไร และแตกต่างจากการเก็งกำไรอย่างไรสำหรับนักลงทุนไทย?
การเฮดจิ้งคือวิธีป้องกันความเสี่ยงเพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของราคาหรืออัตราแลกเปลี่ยนในอนาคต ในขณะที่การเก็งกำไรคือการคาดเดาทิศทางตลาดเพื่อทำกำไรจากความเปลี่ยนแปลงราคา สำหรับนักลงทุนไทย ควรจำไว้ว่าเฮดจิ้งเน้นรักษาความมั่นคงของมูลค่า มากกว่าการไล่ตามกำไรสูงสุด
การทำ Fx Hedging ในประเทศไทยมีข้อจำกัดหรือกฎระเบียบอะไรที่ต้องรู้บ้าง?
ธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT) ดูแลตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ธุรกิจสามารถทำ Fx Hedging ผ่านธนาคารพาณิชย์ได้โดยตรง แต่สำหรับนักลงทุนรายย่อย อาจมีข้อจำกัดในการเข้าถึงเครื่องมือบางอย่าง และต้องทำผ่านสถาบันที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นเพื่อความปลอดภัย
เครื่องมือ Hedging เช่น Forward Contract หรือ Option เหมาะกับใครในตลาดไทย?
- Forward Contract: เหมาะสำหรับธุรกิจนำเข้า/ส่งออกที่ต้องการล็อกอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อความแน่นอนในการวางแผนกระแสเงินสด
- Option: เหมาะสำหรับนักลงทุนหรือธุรกิจที่อยากได้ความยืดหยุ่น โดยยอมจ่ายค่าพรีเมียมเพื่อสิทธิ์ซื้อ/ขาย แต่ไม่ผูกมัดหากสถานการณ์ไม่เป็นใจ และยังรับผลดีจากตลาดได้หากเคลื่อนไหวดี
นักลงทุนรายย่อยในไทยสามารถทำ Hedging ในตลาด Forex ได้หรือไม่? มีขั้นตอนอย่างไร?
นักลงทุนรายย่อยในไทยสามารถทำเฮดจิ้งในตลาด Forex ได้ผ่านโบรกเกอร์หรือแพลตฟอร์มที่ให้บริการอนุพันธ์อ้างอิงค่าเงิน เช่น Futures หรือ Options โดยเริ่มจากการเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ที่ได้รับการกำกับดูแล แล้วศึกษาการวางหลักประกัน การซื้อขาย และความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องให้ละเอียด
การ Hedging กองทุนรวมที่ลงทุนต่างประเทศ จำเป็นเสมอไปหรือไม่? มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง?
ไม่จำเป็นต้องทำเสมอไป ขึ้นอยู่กับระดับความเสี่ยงที่นักลงทุนยอมรับ ถ้าต้องการรับความเสี่ยงค่าเงินเพื่อโอกาสผลตอบแทนสูง ก็ไม่ต้องเฮดจิ้ง ส่วนกองทุนที่มีเฮดจิ้งมักมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม เช่น ค่าธรรมเนียมเฮดจิ้ง ซึ่งจะหักจากผลตอบแทนของกองทุน
การ Hedging ในตลาด Cryptocurrency ในไทยมีความเสี่ยงและโอกาสแตกต่างจากตลาดอื่นอย่างไร?
ตลาดคริปโตมีความผันผวนสูงกว่าตลาดดั้งเดิมมาก ทำให้เฮดจิ้งสำคัญในการลดเสี่ยง แต่มีความเสี่ยงเฉพาะ เช่น สภาพคล่องอนุพันธ์ต่ำ การกำกับดูแลที่ยังไม่สมบูรณ์ และปัญหาเทคนิคของแพลตฟอร์ม อย่างไรก็ตาม ถ้าจัดการดี ก็เป็นโอกาสในการบริหารความเสี่ยงสินทรัพย์ดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
มีข้อผิดพลาดอะไรบ้างที่นักลงทุนไทยมักทำเมื่อพยายาม Hedging?
- เข้าใจผิดว่าเฮดจิ้งคือการเก็งกำไร
- เลือกเครื่องมือไม่เหมาะสมกับความเสี่ยง
- ละเลยค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้อง
- เฮดจิ้งมากเกินไปจนพลาดโอกาสทำกำไร
- ไม่ศึกษาข้อมูลและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเพียงพอ
การเลือกโบรกเกอร์หรือธนาคารเพื่อทำ Hedging ในไทย ควรพิจารณาจากอะไร?
ควรพิจารณา: 1. การได้รับอนุญาตและกำกับดูแล: เลือกสถาบันที่อยู่ภายใต้ BOT หรือ ก.ล.ต. 2. ชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือ: ตรวจสอบประวัติและรีวิวจากผู้ใช้ 3. ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย: เปรียบเทียบต้นทุนให้เหมาะสม 4. เครื่องมือที่ให้บริการ: ตรวจว่ามีเครื่องมือเฮดจิ้งที่ต้องการหรือไม่ 5. บริการและคำแนะนำ: มีผู้เชี่ยวชาญให้ปรึกษาเพื่อช่วยเหลือ
ถ้าไม่ทำ Hedging ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับธุรกิจนำเข้า/ส่งออกของไทยคืออะไร?
ถ้าไม่เฮดจิ้ง ธุรกิจนำเข้า/ส่งออกไทยจะเสี่ยงจากความผันผวนอัตราแลกเปลี่ยนโดยตรง เช่น ผู้ส่งออกอาจได้เงินบาทน้อยลงถ้าเงินบาทแข็งค่า ส่วนผู้นำเข้าอาจจ่ายเงินบาทมากขึ้นถ้าเงินบาทอ่อนค่า ส่งผลกระทบต่อกำไร ความสามารถแข่งขัน และความมั่นคงทางการเงินโดยรวม
Hedging ช่วยเพิ่มผลตอบแทนในการลงทุนได้จริงหรือ? หรือแค่ลดความเสี่ยง?
โดยพื้นฐาน เฮดจิ้งมุ่งลดความเสี่ยงและรักษามูลค่า มากกว่าเพิ่มผลตอบแทนโดยตรง แต่การลดเสี่ยงช่วยให้ผลตอบแทนมั่นคงและคาดการณ์ได้ดีขึ้น ซึ่งในระยะยาวอาจนำไปสู่การลงทุนที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนกว่าการลงทุนแบบไม่บริหารความเสี่ยง