ทำความรู้จักคู่เงิน Forex ที่สำคัญ: การเลือกคู่เงินที่เหมาะกับคุณ

ผู้เริ่มต้นลงทุน

เริ่มต้นทำความรู้จัก “คู่เงิน Forex” (Currency Pairs)

เมื่อก้าวเข้าสู่เส้นทางการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ หรือที่เรียกว่า Forex คำถามแรกที่มักผุดขึ้นในใจคือ “จะเริ่มต้นเทรดอะไรดี?” คำตอบนั้นอยู่ในคำว่า “คู่เงิน” หรือที่รู้จักกันในชื่อภาษาอังกฤษว่า Currency Pairs ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักของตลาดนี้ การเทรด Forex ไม่ใช่การซื้อสินทรัพย์เพียงอย่างเดียวเหมือนหุ้น แต่เป็นการเปรียบเทียบมูลค่าระหว่างสองสกุลเงินในรูปแบบของ “คู่” เสมอ เพราะการซื้อขายหนึ่งครั้ง หมายถึงการขายสกุลเงินหนึ่งเพื่อซื้ออีกสกุลหนึ่งในเวลาเดียวกัน

คู่เงินในตลาด Forex คือการจับคู่ระหว่างสกุลเงินของสองประเทศ เพื่อวัดมูลค่าซึ่งกันและกัน โดยมีโครงสร้างพื้นฐานที่เข้าใจได้ไม่ยาก ซึ่งแบ่งออกเป็นสององค์ประกอบหลัก:

  • สกุลเงินหลัก (Base Currency): คือสกุลเงินที่อยู่ด้านหน้าของคู่เงิน และเป็นตัวที่ใช้เป็นฐานในการวัดมูลค่า เช่น หากคุณซื้อ นั่นหมายความว่าคุณกำลัง “ซื้อ” สกุลเงินหลัก
  • สกุลเงินรอง (Quote Currency): คือสกุลเงินที่อยู่ด้านหลัง ใช้ในการแสดงว่า “ต้องใช้กี่หน่วยของสกุลเงินนี้ถึงจะแลกได้หนึ่งหน่วยของสกุลเงินหลัก”
Currency pairs concept illustration

เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น ลองพิจารณาคู่เงินที่ได้รับความนิยมสูงสุดในตลาด อย่าง EUR/USD โดยที่ EUR คือสกุลเงินยูโรของยุโรป และ USD คือดอลลาร์สหรัฐฯ หากแพลตฟอร์มการซื้อขายแสดงราคาที่ 1.0850 นั่นหมายความว่า 1 ยูโรสามารถแลกได้ 1.0850 ดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อคุณ “ซื้อ” (Buy) EUR/USD คุณคาดการณ์ว่าค่าของยูโรจะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ในทางกลับกัน การ “ขาย” (Sell) คือการคาดว่าค่าเงินยูโรจะลดลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ

ประเภทของคู่เงิน Forex ที่นักเทรดทุกคนต้องรู้

ความเข้าใจเกี่ยวกับประเภทของคู่เงินไม่ใช่แค่เรื่องทฤษฎี แต่เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อผลตอบแทนและระดับความเสี่ยงในการเทรด โดยตลาด Forex แบ่งคู่เงินออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ซึ่งแต่ละกลุ่มมีลักษณะเฉพาะที่นักเทรดควรศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน

1. คู่เงินหลัก (Major Pairs)

คู่เงินหลัก หรือ Major Pairs คือกลุ่มที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุดในตลาดโลก และเป็นที่นิยมสูงสุดในหมู่นักเทรดทั้งมือใหม่และมืออาชีพ สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของกลุ่มนี้คือ “ต้องมีดอลลาร์สหรัฐฯ (USD)” เป็นหนึ่งในคู่เสมอ ไม่ว่าจะอยู่ตำแหน่งสกุลเงินหลักหรือรอง

ข้อได้เปรียบหลักของการเทรดคู่เงินหลัก คือสภาพคล่องสูง ทำให้สามารถเปิดหรือปิดออเดอร์ได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องกังวลเรื่องราคาที่ผันผวนรุนแรงจากปริมาณคำสั่งซื้อขายต่ำ นอกจากนี้ ค่าสเปรด (Spread) หรือส่วนต่างระหว่างราคาเสนอซื้อและเสนอขาย ก็มีแนวโน้มต่ำกว่าคู่เงินกลุ่มอื่นอย่างชัดเจน ซึ่งเหมาะกับกลยุทธ์ที่ต้องการความแม่นยำและความถี่ในการเทรดสูง เช่น Scalping

ในจำนวนคู่เงินหลักทั้งหมด 7 คู่ที่นิยมที่สุด ได้แก่:

  • EUR/USD – คู่เงินที่มีการซื้อขายมากที่สุดในโลก สะท้อนความสัมพันธ์ระหว่างเศรษฐกิจยุโรปและสหรัฐอเมริกา โดยมีข่าวเศรษฐกิจจาก ECB และ Fed เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ
  • USD/JPY – ได้รับอิทธิพลจากนโยบายดอกเบี้ยของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยในตลาดโลก
  • GBP/USD – หรือที่เรียกว่า “Cable” มีความผันผวนสูง โดยมักตอบสนองต่อข่าวสารจากอังกฤษอย่างรวดเร็ว เช่น ตัวเลข GDP หรือการตัดสินใจของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE)
  • AUD/USD – ขึ้นกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะทองคำและแร่เหล็ก ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกหลักของออสเตรเลีย
  • USD/CAD – เรียกอีกอย่างว่า “Loonie” คู่นี้มีความผูกพันกับราคาน้ำมัน เพราะแคนาดาเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลก
  • USD/CHF – ฟรังก์สวิสเป็นที่รู้จักในฐานะสกุลเงินปลอดภัย (Safe-Haven) จึงมักเคลื่อนไหวสวนทางกับความตื่นตระหนกในตลาดโลก
  • NZD/USD – หรือ “Kiwi” มีลักษณะคล้ายกับ AUD/USD แต่ตอบสนองต่อตลาดสินค้าเกษตรและนโยบายการเงินของนิวซีแลนด์

สำหรับผู้ที่เริ่มต้นจาก Moneta Markets ซึ่งเป็นโบรกเกอร์ที่สนับสนุนการเทรดคู่เงินหลักทุกคู่ด้วยค่าสเปรดที่แข่งขันได้และสภาพแวดล้อมการซื้อขายที่เสถียร จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เริ่มต้นที่ต้องการทดลองกลยุทธ์ในตลาดที่มีเสถียรภาพ

2. คู่เงินรอง (Minor Pairs / Cross-Currency Pairs)

คู่เงินรอง หรือที่เรียกว่า Cross Pairs คือการจับคู่ระหว่างสกุลเงินหลักที่ไม่เกี่ยวข้องกับดอลลาร์สหรัฐฯ โดยตรง ตัวอย่างเช่น EUR/GBP หรือ GBP/JPY การซื้อขายคู่เหล่านี้ช่วยให้นักเทรดสามารถวิเคราะห์แนวโน้มของสองเศรษฐกิจโดยไม่ต้องผ่านปัจจัยจาก USD

แม้ว่าสภาพคล่องจะต่ำกว่าคู่เงินหลัก และค่าสเปรดจะสูงขึ้นเล็กน้อย แต่คู่เงินรองยังคงเป็นที่นิยม โดยเฉพาะในกลุ่มนักเทรดที่ต้องการโอกาสจากความสัมพันธ์เฉพาะทาง เช่น การเปรียบเทียบเศรษฐกิจยุโรปกับสหราชอาณาจักร หรือการเก็งกำไรจากความผันผวนของเยน

คู่เงินรองที่น่าจับตามอง:

  • EUR/GBP – สะท้อนความสัมพันธ์ระหว่างยูโรโซนและอังกฤษ โดยมักผันผวนหลังข่าวเศรษฐกิจจากทั้งสองภูมิภาค
  • EUR/JPY – ได้รับอิทธิพลจากความต้องการสินทรัพย์เสี่ยง เพราะทั้งยูโรและเยนถือเป็นตัวชี้วัดความเชื่อมั่นในตลาด
  • GBP/JPY – หรือที่รู้จักในชื่อ “The Beast” ด้วยความผันผวนสูง ทำให้เป็นที่ชื่นชอบของนักเทรดที่ชอบความท้าทาย
  • AUD/JPY – ใช้ในการเก็งกำไรจากสภาวะเศรษฐกิจที่ดี เพราะออสเตรเลียมีแนวโน้มเติบโตเมื่อเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว
  • CAD/JPY – เชื่อมโยงระหว่างราคาน้ำมันและความเสี่ยงของตลาด
Trader analyzing Forex market

3. คู่เงินเกิดใหม่ (Exotic Pairs)

คู่เงินเกิดใหม่ หรือ Exotic Pairs คือการจับคู่ระหว่างสกุลเงินหลักกับสกุลเงินของประเทศตลาดเกิดใหม่ เช่น ไทย สิงคโปร์ ตุรกี หรือแอฟริกาใต้ คู่เหล่านี้มักมีความผันผวนสูงและสภาพคล่องต่ำ เพราะขึ้นอยู่กับปัจจัยภายในประเทศ เช่น การเมือง นโยบายเศรษฐกิจ หรือเหตุการณ์เฉพาะที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ

ตัวอย่างคู่เงิน Exotic ที่พบได้ในแพลตฟอร์มบางแห่ง:

  • USD/THB – คู่เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาทไทย ขึ้นอยู่กับนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทยและสถานการณ์เศรษฐกิจการท่องเที่ยว
  • USD/SGD – ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อดอลลาร์สิงคโปร์ ซึ่งมีเสถียรภาพสูงกว่าคู่อื่นๆ ในกลุ่มเอเชีย
  • USD/HKD – ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อดอลลาร์ฮ่องกง ผูกติดกับดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างแน่นหนา จึงมีความผันผวนต่ำ แต่ก็ยังถือว่าเป็น exotic ด้วยข้อจำกัดด้านสภาพคล่อง
  • EUR/TRY – คู่เงินที่มีความผันผวนรุนแรงที่สุดคู่หนึ่ง ขึ้นกับความมั่นคงทางการเมืองและการจัดการอัตราดอกเบี้ยของตุรกี

นักเทรดควรระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อเข้าใกล้คู่เงินกลุ่มนี้ เพราะสเปรดอาจสูงถึงหลายเท่าของคู่เงินหลัก และความเสี่ยงจาก “slippage” หรือการเติมคำสั่งไม่ตรงราคาที่ตั้งไว้ ถือเป็นเรื่องปกติ ดังนั้น คู่เงิน Exotic จึงไม่เหมาะกับมือใหม่ หรือผู้ที่มีงบประมาณจำกัดและไม่สามารถรับความเสี่ยงได้มาก

ตารางสรุปคู่เงิน Forex ยอดนิยมและลักษณะเฉพาะ

เพื่อให้คุณสามารถเปรียบเทียบคุณสมบัติของคู่เงินต่างๆ ได้อย่างชัดเจน ตารางด้านล่างนี้จัดทำขึ้นเพื่อช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น โดยรวมข้อมูลสำคัญอย่างประเภท ความผันผวน และช่วงเวลาที่เหมาะกับการเทรดตามเวลาในประเทศไทย

ชื่อคู่เงิน ประเภท ระดับความผันผวน ช่วงเวลาเทรดที่แนะนำ (เวลาไทย)
EUR/USD Major ต่ำ-กลาง 14:00 – 24:00 น.
GBP/USD Major กลาง-สูง 14:00 – 24:00 น.
USD/JPY Major ต่ำ-กลาง 07:00 – 16:00 น. และ 20:00 – 24:00 น.
AUD/USD Major ต่ำ-กลาง 06:00 – 15:00 น.
GBP/JPY Minor สูง 14:00 – 24:00 น.
USD/THB Exotic สูงมาก 09:00 – 17:00 น.
Major currency pairs infographic

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเทรดคู่เงิน Forex (Trading Sessions)

ตลาด Forex ดำเนินการตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ แต่ไม่ใช่ทุกช่วงเวลาที่มีโอกาสเท่ากัน ความสำเร็จของนักเทรดมักขึ้นอยู่กับการเลือกช่วงเวลาที่ “มีการเคลื่อนไหว” หรือที่เรียกว่า Trading Sessions ซึ่งแบ่งตามศูนย์การเงินหลักของโลก ได้แก่

  1. ตลาดโตเกียว (เอเชีย): เปิดประมาณ 06:00 – 15:00 น. (เวลาไทย) – เหมาะสำหรับเทรดคู่เงินที่มี JPY เช่น USD/JPY หรือ AUD/JPY
  2. ตลาดลอนดอน (ยุโรป): เปิดประมาณ 14:00 – 23:00 น. (เวลาไทย) – ช่วงที่มีการเคลื่อนไหวสูง โดยเฉพาะ EUR/USD และ GBP/USD
  3. ตลาดนิวยอร์ก (อเมริกา): เปิดประมาณ 19:00 – 04:00 น. (เวลาไทย) – เหมาะกับการเทรดคู่เงินหลักที่มี USD

ช่วงเวลาที่ “คุ้มค่าที่สุด” คือช่วงที่ตลาดลอนดอนและนิวยอร์กทับซ้อนกัน ระหว่าง 20:00 – 24:00 น. ตามเวลาไทย ช่วงนี้มีทั้งสภาพคล่องสูง ความผันผวนที่น่าสนใจ และปริมาณการซื้อขายที่หนาแน่นจากทั้งสถาบันการเงินและนักเทรดรายใหญ่ ทำให้เกิดแนวโน้มที่ชัดเจนและเหมาะกับการเข้าทำกำไร

คำแนะนำการเลือกคู่เงินตามช่วงเวลา:

  • หากเทรดในช่วงตลาดเอเชีย ควรพิจารณาคู่เงินที่มี JPY เพราะมีข่าวเศรษฐกิจและนโยบายการเงินจากญี่ปุ่นออกมาในช่วงนี้
  • ในช่วงตลาดยุโรป ให้มุ่งเน้นไปที่ EUR, GBP, CHF ที่มีข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญจากยุโรปและอังกฤษ
  • ในช่วงทับซ้อนของลอนดอน-นิวยอร์ก คู่เงินหลักทุกคู่จะมีโอกาสสูง โดยเฉพาะ EUR/USD ที่มักเคลื่อนไหวกว้างและต่อเนื่อง

วิธีการเลือกคู่เงินให้เหมาะกับสไตล์การเทรดของคุณ

ไม่มีคู่เงินใดที่ “ดีที่สุด” สำหรับทุกคน แต่มีคู่เงินที่ “เหมาะสมที่สุด” สำหรับสไตล์ บุคลิก และระดับความเสี่ยงของแต่ละคน การเลือกอย่างชาญฉลาดจะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรอย่างยั่งยืน

สำหรับนักเทรดมือใหม่:

เริ่มต้นจาก คู่เงินหลัก อย่าง EUR/USD หรือ AUD/USD ที่มีความผันผวนไม่รุนแรงและคาดการณ์ทิศทางได้ดีกว่า ทั้งยังมีข้อมูลการวิเคราะห์พื้นฐานและเทคนิคจำนวนมาก ช่วยให้เรียนรู้ได้ง่าย ตามข้อมูลจาก Bank for International Settlements (BIS) พบว่า EUR/USD ครองสัดส่วนการซื้อขายมากกว่า 20% ของตลาดทั้งหมด แสดงให้เห็นถึงความน่าเชื่อถือและสภาพคล่องสูง

สำหรับ Day Trader:

นักเทรดที่ทำกำไรในแต่ละวัน ควรเลือกคู่เงินที่มีความผันผวนปานกลางถึงสูง เช่น GBP/USD หรือ GBP/JPY ซึ่งมักมีการแกว่งตัวกว้าง ช่วยให้สามารถเข้า-ออกออเดอร์ได้หลายครั้งในวันเดียว และสร้างผลตอบแทนจากความเคลื่อนไหวของราคา

สำหรับ Scalper:

กลยุทธ์ Scalping ต้องการความเร็วและความแม่นยำสูง ดังนั้นควรเลือกคู่เงินที่มี สเปรดต่ำที่สุด และสภาพคล่องสูงสุด EUR/USD จึงเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่ง โดยเฉพาะในแพลตฟอร์มจาก Moneta Markets ที่ให้ค่าสเปรดเฉลี่ยต่ำและรองรับคำสั่งซื้อขายได้อย่างรวดเร็ว ช่วยให้กลยุทธ์นี้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

บทสรุป: การเลือกคู่เงินที่ใช่ คือก้าวแรกสู่ความสำเร็จ

การเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับ “คู่เงิน Forex” คือรากฐานสำคัญที่สุดของนักเทรดทุกคน ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้โครงสร้างของคู่เงิน การแบ่งประเภท ความผันผวน หรือช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเข้าตลาด ทุกองค์ประกอบเหล่านี้ล้วนมีผลต่อผลลัพธ์ของการซื้อขาย

สิ่งที่ต้องจำไว้คือ ไม่มีคู่เงินใดที่เหมาะกับทุกคน แต่มีคู่เงินที่ “สอดคล้องกับคุณ” มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นสไตล์การเทรด ความรู้ หรือวินัยในการจัดการความเสี่ยง การเลือกคู่เงินที่เหมาะสม จึงเหมือนการวางรากฐานที่มั่นคงก่อนก่อสร้างตึกสูง

ก่อนเริ่มต้น ควรทดลองใน บัญชีเดโม เพื่อทดสอบกลยุทธ์และทำความคุ้นเคยกับพฤติกรรมของแต่ละคู่เงิน รวมถึงเลือกโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถืออย่าง Moneta Markets ที่ให้บริการซื้อขายคู่เงินหลัก รอง และบางคู่เงิน exotic พร้อมเครื่องมือวิเคราะห์และการสนับสนุนที่ครบวงจร ช่วยให้คุณก้าวสู่ความสำเร็จในตลาด Forex ได้อย่างมั่นคง

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

มีคู่เงิน Forex ทั้งหมดกี่คู่?

ในตลาด Forex มีคู่เงินให้เทรดได้หลายร้อยคู่ แต่โดยทั่วไปแล้วนักเทรดส่วนใหญ่มักจะให้ความสนใจกับคู่เงินประมาณ 28 คู่หลัก ซึ่งประกอบด้วยคู่เงินหลัก (Majors), คู่เงินรอง (Minors), และคู่เงินเกิดใหม่ (Exotics) ที่มีสภาพคล่องเพียงพอต่อการซื้อขาย

สำหรับมือใหม่ ควรเริ่มเทรดคู่เงินไหนดีที่สุด?

สำหรับมือใหม่ แนะนำให้เริ่มต้นเทรดจากคู่เงินหลัก (Major Pairs) ที่มีความผันผวนไม่สูงและมีสเปรดต่ำ เช่น EUR/USD หรือ AUD/USD เนื่องจากเป็นคู่เงินที่มีข้อมูลให้ศึกษาง่าย มีสภาพคล่องสูง ทำให้การเข้า-ออกออเดอร์ทำได้สะดวกและมีความเสี่ยงต่ำกว่าคู่เงินประเภทอื่น

คู่เงิน Forex คู่ไหนที่วิ่งแรงและมีความผันผวนสูงที่สุด?

โดยทั่วไปแล้ว คู่เงินที่มีความผันผวนหรือ “วิ่งแรง” ที่สุดคือกลุ่มคู่เงินเกิดใหม่ (Exotic Pairs) เช่น USD/TRY หรือ EUR/ZAR เนื่องจากสภาพคล่องต่ำและอ่อนไหวต่อปัจจัยทางการเมืองและเศรษฐกิจสูงมาก ส่วนในกลุ่มคู่เงินรอง คู่ที่ขึ้นชื่อเรื่องความผันผวนคือ GBP/JPY หรือที่รู้จักกันในชื่อ “The Beast”

7 คู่เงินหลักในตลาด Forex มีอะไรบ้าง?

7 คู่เงินหลัก (Major Pairs) ในตลาด Forex ประกอบด้วย:

  • EUR/USD (ยูโร/ดอลลาร์สหรัฐ)
  • USD/JPY (ดอลลาร์สหรัฐ/เยนญี่ปุ่น)
  • GBP/USD (ปอนด์สเตอร์ลิง/ดอลลาร์สหรัฐ)
  • AUD/USD (ดอลลาร์ออสเตรเลีย/ดอลลาร์สหรัฐ)
  • USD/CAD (ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์แคนาดา)
  • USD/CHF (ดอลลาร์สหรัฐ/ฟรังก์สวิส)
  • NZD/USD (ดอลลาร์นิวซีแลนด์/ดอลลาร์สหรัฐ)

เวลาไหนของวันคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเทรด Forex?

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดและมีสภาพคล่องสูงสุดคือช่วงที่ตลาดลอนดอนและตลาดนิวยอร์กเปิดทับซ้อนกัน ซึ่งตรงกับเวลาประมาณ 20:00 – 24:00 น. ตามเวลาประเทศไทย ช่วงเวลานี้เหมาะกับการเทรดคู่เงินหลักส่วนใหญ่ เนื่องจากเป็นช่วงที่ธนาคารและสถาบันการเงินขนาดใหญ่ของโลกเข้ามาทำธุรกรรมพร้อมกัน ทำให้กราฟราคามีการเคลื่อนไหวอย่างมีนัยสำคัญ ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Forex Market Hours สามารถช่วยให้วางแผนการเทรดได้ดียิ่งขึ้น

เราสามารถเทรดคู่เงินบาทไทย (THB) ได้หรือไม่?

ได้ครับ คู่เงินที่มีเงินบาทไทย (THB) เช่น USD/THB จัดอยู่ในประเภทคู่เงินเกิดใหม่ (Exotic Pair) ซึ่งมีให้บริการในโบรกเกอร์บางแห่ง อย่างไรก็ตาม นักเทรดควรระมัดระวังเป็นพิเศษเนื่องจากคู่เงินประเภทนี้มีสภาพคล่องต่ำและมีค่าสเปรดที่กว้างกว่าคู่เงินหลักมาก ทำให้มีความเสี่ยงสูง

ความแตกต่างระหว่างคู่เงินหลัก (Majors) และคู่เงินรอง (Minors) คืออะไร?

ความแตกต่างที่สำคัญที่สุดคือการมีอยู่ของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) คู่เงินหลัก (Majors) จะต้องมี USD เป็นส่วนประกอบเสมอ ในขณะที่ คู่เงินรอง (Minors) คือการจับคู่สกุลเงินหลักอื่นๆ โดยไม่มี USD เข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น EUR/GBP หรือ AUD/JPY โดยทั่วไปแล้ว คู่เงินหลักจะมีสภาพคล่องสูงกว่าและสเปรดต่ำกว่าคู่เงินรอง

發佈留言