น้ำมันดิบคืออะไร? นิยามและลักษณะพื้นฐาน
น้ำมันดิบ หรือที่เรียกกันทั่วไปในภาษาอังกฤษว่า Crude Oil คือสารเหลวจากธรรมชาติที่เกิดจากปิโตรเลียมดิบ ซึ่งยังไม่ถูกแปรรูปผ่านการกลั่น และมักพบซ่อนตัวอยู่ใต้พื้นดินหรือก้นทะเลลึก มันคือแหล่งพลังงานหลักและวัตถุดิบที่โลกพึ่งพามาอย่างยาวนาน โดยไม่ใช่สารเคมีชนิดเดียว แต่เป็นส่วนผสมซับซ้อนจากสารประกอบไฮโดรคาร์บอนหลายประเภท ซึ่งส่วนใหญ่ประกอบด้วยคาร์บอนและไฮโดรเจนในรูปแบบอินทรีย์ นอกจากนี้ ยังอาจปนเปื้อนด้วยธาตุอื่นๆ เช่น กำมะถัน ไนโตรเจน ออกซิเจน หรือโลหะหนักในระดับที่ไม่มากนัก

คุณสมบัติทางกายภาพของน้ำมันดิบนั้นแตกต่างกันไปตามแหล่งที่พบ ตั้งแต่สีเหลืองอ่อนไปจนถึงดำสนิท มีระดับความหนืดและความหนาแน่นที่หลากหลาย ซึ่งลักษณะเหล่านี้มีอิทธิพลโดยตรงต่อวิธีการกลั่นและมูลค่าทางเศรษฐกิจของมัน ในฐานะสารอินทรีย์รูปแบบเหลว น้ำมันดิบนับเป็นเชื้อเพลิงฟอสซิลที่สำคัญที่สุด และยังคงเป็นส่วนสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจรวมถึงวิถีชีวิตประจำวันของคนไทยทุกคน
การกำเนิดของน้ำมันดิบ: พลังงานจากซากดึกดำบรรพ์
น้ำมันดิบจัดเป็นเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ขาดไม่ได้ ซึ่งเกิดขึ้นผ่านกระบวนการทางธรณีวิทยายาวนานนับล้านปี แหล่งกำเนิดหลักมาจากซากของสิ่งมีชีวิตโบราณ โดยเฉพาะแพลงก์ตอนพืช สัตว์ทะเลขนาดเล็ก และพืชที่ตายแล้ว เมื่อเหล่านี้จมลงสู่ก้นทะเลหรือทะเลสาบ พวกมันจะถูกปกคลุมด้วยชั้นตะกอนอย่างต่อเนื่อง เช่น ทรายหรือโคลน

เมื่อเวลาผ่านพ้นไป ชั้นตะกอนที่สะสมหนาขึ้นเรื่อยๆ จะสร้างแรงดันและอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้น ในสภาพแวดล้อมที่อุดมด้วยออกซิเจนน้อย สารอินทรีย์จากซากเหล่านี้จะค่อยๆ กลายร่างเป็นเคโรเจน ซึ่งเป็นสารแข็งคล้ายขี้ผึ้ง และเมื่อได้รับความร้อนกับแรงดันเพิ่มเติม ก็จะแตกตัวออกมาเป็นน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติในที่สุด หลังจากนั้น น้ำมันดิบจะไหลผ่านชั้นหินพรุนและสะสมในแหล่งกักเก็บที่ถูกปิดผนึกด้วยชั้นหินอัดแน่นที่กันไม่ให้น้ำมันรั่วไหลออกมา สถานที่เหล่านี้มักตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เคยเป็นทะเลโบราณ เช่น อ่าวเปอร์เซีย ทะเลเหนือ หรืออ่าวเม็กซิโก ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่กำหนดปริมาณพลังงานโลก
ประเภทของน้ำมันดิบ: การจำแนกตามคุณสมบัติสำคัญ
น้ำมันดิบไม่ได้มีรูปแบบเดียว แต่สามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภทตามลักษณะทางกายภาพและส่วนประกอบเคมี ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้ส่งผลต่อกระบวนการกลั่นและผลิตภัณฑ์ที่ได้จากปิโตรเลียม โดยทั่วไป การแบ่งประเภทจะยึดตามสองปัจจัยหลัก คือ ความหนาแน่นและปริมาณกำมะถัน

- การจำแนกตามความหนาแน่น:
- น้ำมันดิบเบา (Light Crude Oil): มีค่า API สูงกว่า 35 องศา มีความหนืดต่ำ และส่วนใหญ่ประกอบด้วยไฮโดรคาร์บอนโมเลกุลสั้น ทำให้กลั่นง่ายและได้ผลิตภัณฑ์ราคาสูง เช่น น้ำมันเบนซินหรือน้ำมันเครื่องบิน
- น้ำมันดิบหนัก (Heavy Crude Oil): มีค่า API ต่ำกว่า 25 องศา มีความหนืดสูง และมีไฮโดรคาร์บอนโมเลกุลยาวกับสารปนเปื้อนมากกว่า จึงกลั่นยากและมีต้นทุนสูง
 
- การจำแนกตามปริมาณกำมะถัน:
- น้ำมันดิบซัลเฟอร์ต่ำ หรือ สวีทครูด (Sweet Crude Oil): มีกำมะถันน้อยกว่า 0.5% โดยน้ำหนัก กลั่นได้ง่ายและต้นทุนกำจัดสารปนเปื้อนต่ำ
- น้ำมันดิบซัลเฟอร์สูง หรือ ซาวร์ครูด (Sour Crude Oil): มีกำมะถันมากกว่า 0.5% โดยน้ำหนัก ต้องผ่านขั้นตอนกำจัดกำมะถันเพิ่มเติมเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม
 
นอกจากนี้ ยังมีน้ำมันดิบที่ใช้เป็นดัชนีอ้างอิงราคาระดับโลก ซึ่งช่วยกำหนดราคาน้ำมันทั่วไป ได้แก่:
- Brent Crude: น้ำมันดิบเบาและซัลเฟอร์ต่ำจากทะเลเหนือ เป็นตัวชี้วัดหลักสำหรับตลาดในยุโรป แอฟริกา และตะวันออกกลาง
- WTI (West Texas Intermediate) Crude: น้ำมันดิบเบาและซัลเฟอร์ต่ำจากสหรัฐอเมริกา ใช้เป็นดัชนีสำหรับตลาดอเมริกาเหนือ
สำหรับประเทศไทย เรานำเข้าน้ำมันดิบจากหลายพื้นที่ทั่วโลก โดยส่วนใหญ่มาจากตะวันออกกลางและทะเลเหนือ ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้ถูกเลือกให้เหมาะกับโรงกลั่นในประเทศและผลิตภัณฑ์ที่ต้องการ
กระบวนการผลิตและการกลั่นน้ำมันดิบสู่ผลิตภัณฑ์ต่างๆ
เส้นทางของน้ำมันดิบจากใต้ดินสู่ผู้ใช้ทั่วไปนั้นเต็มไปด้วยความซับซ้อนและอาศัยเทคโนโลยีล้ำสมัย ตั้งแต่ขั้นตอนสำรวจ ขุดเจาะ การขนส่ง จนถึงการกลั่นในโรงงานขนาดใหญ่
1. การสำรวจและขุดเจาะ
กระบวนการเริ่มต้นด้วยการสำรวจทางธรณีวิทยาเพื่อค้นหาแหล่งน้ำมันดิบใต้ดินหรือใต้น้ำ เมื่อเจอจุดที่มีโอกาส จะลงมือขุดเจาะหลุมเพื่อดึงน้ำมันขึ้นมา โดยใช้เครื่องมือและเทคนิคสมัยใหม่ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ
2. การขนส่ง
หลังจากดึงน้ำมันขึ้นมาแล้ว จะต้องขนย้ายไปยังโรงกลั่น ซึ่งอาจอยู่ใกล้หรือไกลออกไป วิธีการขนส่งมีหลากหลาย เช่น
- ท่อส่งน้ำมัน (Pipeline): วิธีที่ประหยัดและมีประสิทธิภาพสำหรับระยะไกลบนแผ่นดิน
- เรือบรรทุกน้ำมัน (Oil Tanker): เหมาะสำหรับการขนส่งข้ามทะเลหรือจากแหล่งนอกชายฝั่ง
- รถบรรทุกน้ำมันและรถไฟ: ใช้สำหรับระยะใกล้หรือพื้นที่ที่เข้าถึงยาก
3. การกลั่นน้ำมันดิบในโรงกลั่น
เมื่อถึงโรงกลั่น น้ำมันดิบจะเข้าสู่ขั้นตอนหลักที่เรียกว่า การกลั่นลำดับส่วน ซึ่งอาศัยความแตกต่างของจุดเดือดในสารประกอบไฮโดรคาร์บอนแต่ละชนิด
น้ำมันจะถูก加热ในเตาให้ร้อนถึง 350-400 องศาเซลเซียส แล้วส่งเข้าไปในหอกลั่นที่มีหลายชั้น สารที่มีจุดเดือดต่ำจะระเหยขึ้นด้านบนและควบแน่นเป็นของเหลวในระดับต่างๆ ขณะที่สารจุดเดือดสูงจะค้างอยู่ด้านล่างในรูปเหลว
4. ผลิตภัณฑ์จากการกลั่น
ผลจากการกลั่นนี้ น้ำมันดิบจะถูกแยกเป็นผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมหลากหลายที่ใช้ประโยชน์ต่างกัน เช่น
- ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG): ใช้หุงต้มหรือเป็นเชื้อเพลิงรถยนต์
- น้ำมันเบนซิน (Gasoline): สำหรับเครื่องยนต์เบนซินในรถยนต์และมอเตอร์ไซค์
- น้ำมันเครื่องบิน (Jet Fuel / Kerosene): เชื้อเพลิงเครื่องบิน หรือน้ำมันก๊าดสำหรับแสงสว่างและครัวเรือน
- น้ำมันดีเซล (Diesel): สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลในรถบรรทุก เรือ และเครื่องจักร
- น้ำมันเตา (Fuel Oil): เชื้อเพลิงโรงงานและโรงไฟฟ้า
- ยางมะตอย (Asphalt): ใช้วางถนนหรือกันซึม
- วัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมปิโตรเคมี: เช่น แนฟทาและก๊าซอีเทน สำหรับผลิตพลาสติก เส้นใย ยา และสารเคมี
ในไทย โรงกลั่นชั้นนำอย่าง PTT Global Chemical (PTTGC), Thai Oil และ Bangchak มีส่วนสำคัญในการแปลงน้ำมันดิบให้เป็นพลังงานและวัตถุดิบที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
ความสำคัญของน้ำมันดิบต่อเศรษฐกิจและชีวิตประจำวันของคนไทย
น้ำมันดิบเปรียบเสมือนหัวใจที่สูบฉีดพลังให้เศรษฐกิจไทย และส่งผลโดยตรงต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนในทุกด้าน โดยเป็นแหล่งพลังงานที่ขาดไม่ได้ในยุคปัจจุบัน
แหล่งพลังงานหลักและวัตถุดิบสำคัญ
ในด้านพลังงาน น้ำมันดิบคือฐานรากของระบบขนส่ง ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ส่วนตัว รถสาธารณะ รถบรรทุก เครื่องบิน หรือเรือ ล้วนอาศัยน้ำมันเบนซิน ดีเซล หรือน้ำมันเครื่องบินที่ได้จากการกลั่น นอกจากนี้ ยังสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมและการผลิตไฟฟ้าบางส่วน ทำให้ธุรกิจและการผลิตเดินหน้าต่อเนื่อง
ที่สำคัญกว่านั้น น้ำมันดิบยังเป็นวัตถุดิบหลักในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีไทย จากการกลั่น เราจะได้สารตั้งต้นสำหรับผลิตพลาสติก เส้นใยสังเคราะห์ ยาฆ่าแมลง ปุ๋ย ยา เครื่องสำอาง และเคมีภัณฑ์อื่นๆ ที่แทรกอยู่ในชีวิตประจำวัน ทำให้อุตสาหกรรมไทยขยายตัวและสร้างมูลค่าเศรษฐกิจสูงขึ้น
ผลกระทบต่อค่าครองชีพและเศรษฐกิจไทย
ความผันผวนของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกส่งผลรุนแรงต่อเศรษฐกิจและค่าครองชีพของไทย เมื่อราคาสูงขึ้น ต้นทุนการผลิตสินค้าและบริการจะเพิ่มตาม ไม่ว่าจะเป็นค่าขนส่ง ค่าไฟ หรือวัตถุดิบปิโตรเคมี ซึ่งจะถูกส่งต่อให้ผู้บริโภคผ่านราคาสินค้าที่แพงขึ้น และอาจก่อให้เกิดเงินเฟ้อ
ตรงกันข้าม หากราคาตก ก็ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มกำลังซื้อ ส่งเสริมเศรษฐกิจเติบโต การจัดการนโยบายพลังงานที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันดิบจึงเป็นหน้าที่หลักของ กระทรวงพลังงาน เพื่อรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตประชาชน เช่น การตรึงราคาหรือลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันในช่วงราคาโลกแกว่งไกว
ข้อมูลจาก สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ชี้ให้เห็นถึงการพึ่งพาน้ำมันดิบของไทยในกิจกรรมเศรษฐกิจต่างๆ และความจำเป็นที่รัฐต้องติดตามและจัดการความผันผวนเหล่านี้อย่างใกล้ชิด
แนวโน้มและอนาคตของน้ำมันดิบในยุคพลังงานสะอาด
ท่ามกลางกระแสโลกที่ให้ความสำคัญกับปัญหาสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเปลี่ยนไปสู่พลังงานสะอาดและหมุนเวียนกำลังเป็นวาระหลัก ถึงกระนั้น น้ำมันดิบยังคงมีบทบาทในพลังงานผสมของไทยในช่วงกลางและยาว แม้จะมีการส่งเสริมทางเลือกอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง
การเปลี่ยนผ่านพลังงานและความท้าทาย
หลายประเทศรวมถึงไทยกำลังมุ่งสู่การลดก๊าซเรือนกระจกและบรรลุความเป็นกลางคาร์บอน การพัฒนาพลังงานหมุนเวียนอย่างพลังงานแสงอาทิตย์ ลม และชีวภาพ จึงเป็นแนวทางหลักเพื่อลดการพึ่งพาน้ำมันดิบและฟอสซิลอื่นๆ
ในฐานะผู้นำเข้าน้ำมัน ไทยยังต้องการน้ำมันดิบสำหรับขนส่งและปิโตรเคมีในทศวรรษข้างหน้า เนื่องจากการเปลี่ยนผ่านเต็มรูปแบบต้องใช้เวลา เงินทุนมหาศาล และโครงสร้างพื้นฐานใหม่ แต่เราต้องรักษาสมดุลระหว่างความมั่นคงพลังงาน ต้นทุนที่เหมาะสม และเป้าหมายสิ่งแวดล้อม
โอกาสและนโยบายของไทย
รัฐบาลไทยกำลังผลักดันนโยบายพลังงานสะอาดและยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เพื่อลดการใช้น้ำมันเบนซินและดีเซลในระยะยาว เช่น สิทธิประโยชน์สำหรับผู้ซื้อ EV การลงทุนสถานีชาร์จ และพัฒนาเชื้อเพลิงชีวภาพจากพืชในประเทศ นวัตกรรมเหล่านี้คือโอกาสสร้างความยั่งยืนทางพลังงาน
แม้ความต้องการน้ำมันดิบในบางส่วนจะลดลงในอนาคต แต่ปิโตรเคมียังคงพึ่งพามันเป็นวัตถุดิบสำหรับพลาสติกทางการแพทย์หรือชิ้นส่วน EV ดังนั้น บทบาทของน้ำมันดิบจะปรับจากเชื้อเพลิงสู่วัตถุดิบมูลค่าสูง ซึ่งบริษัทอย่าง PTT Global Chemical และอื่นๆ ในไทยกำลังปรับตัวเพื่อรองรับ
การวางแผนพลังงานชาติต้องยืดหยุ่นและมองไกล เพื่อให้ไทยรับมือการเปลี่ยนแปลงตลาดโลกและก้าวสู่สังคมพลังงานสะอาดอย่างมั่นคง
น้ำมันดิบ (Crude Oil) กับ ปิโตรเลียม (Petroleum) แตกต่างกันอย่างไร?
คำว่า ปิโตรเลียม เป็นศัพท์กว้างที่ครอบคลุมน้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ และสารประกอบไฮโดรคาร์บอนอื่นๆ ใต้ดิน ในขณะที่น้ำมันดิบคือส่วนที่เป็นของเหลวเท่านั้น ดังนั้นน้ำมันดิบจึงเป็นองค์ประกอบหนึ่งของปิโตรเลียมโดยรวม
ประเทศไทยมีการผลิตน้ำมันดิบเองหรือไม่ และส่วนใหญ่มาจากแหล่งใด?
ไทยมีการผลิตน้ำมันดิบในประเทศบ้าง แต่ยังไม่พอต่อความต้องการทั้งหมด แหล่งหลักอยู่ที่อ่าวไทย เช่น แหล่งเบญจมาศ บงกช เอราวัณ และบนบกในภาคเหนือ-อีสาน เช่น แหล่งสิริกิติ์ที่กำแพงเพชร แต่เรายังต้องนำเข้าส่วนใหญ่จากต่างประเทศ โดยเฉพาะตะวันออกกลาง
ราคาน้ำมันดิบโลกผันผวน ส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของคนไทยอย่างไร?
ความแกว่งไกวของราคาน้ำมันดิบส่งผลต่อค่าครองชีพหลายด้าน เช่น
- ค่าเดินทาง: ราคาน้ำมันที่ปั๊มปรับตาม ทำให้ค่าเดินทางส่วนตัวและค่าโดยสารเปลี่ยนแปลง
- ราคาสินค้าอุปโภคบริโภค: ต้นทุนขนส่งสินค้าเพิ่ม ส่งผลให้ราคาขายสูงขึ้น
- ค่าไฟฟ้า: โรงไฟฟ้าบางแห่งใช้เชื้อเพลิงจากน้ำมัน ทำให้ค่าไฟผันผวน
- อัตราเงินเฟ้อ: ราคาน้ำมันสูงมักจุดชนวนเงินเฟ้อ ลดกำลังซื้อ
น้ำมันดิบแต่ละประเภท (เช่น น้ำมันดิบเบา, น้ำมันดิบหนัก) มีคุณสมบัติและการใช้งานต่างกันอย่างไร?
- น้ำมันดิบเบา (Light Crude Oil): ความหนาแน่นต่ำ ค่า API สูง กำมะถันน้อย กลั่นง่าย ได้น้ำมันเบนซิน เครื่องบิน และดีเซลมาก มูลค่าสูง
- น้ำมันดิบหนัก (Heavy Crude Oil): ความหนาแน่นสูง ค่า API ต่ำ กำมะถันมาก กลั่นยาก ต้องใช้เทคนิคซับซ้อน ได้น้ำมันเตา ยางมะตอย และวัตถุดิบปิโตรเคมีหนัก
โรงกลั่นแต่ละแห่งออกแบบให้เหมาะกับประเภทน้ำมัน เพื่อผลผลิตสูงสุด
นอกจากเชื้อเพลิงแล้ว น้ำมันดิบนำไปใช้ประโยชน์อะไรได้อีกบ้างในอุตสาหกรรมไทย?
น้ำมันดิบยังเป็นวัตถุดิบหลักในปิโตรเคมีไทย สำหรับผลิต
- พลาสติก: บรรจุภัณฑ์ ชิ้นส่วนรถ อุปกรณ์ครัวเรือน
- เส้นใยสังเคราะห์: โพลีเอสเตอร์ ไนลอน สำหรับเสื้อผ้า
- ยางสังเคราะห์: ยางรถยนต์และผลิตภัณฑ์ยาง
- สารเคมีต่างๆ: ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง ยา เครื่องสำอาง สารทำความสะอาด
- ยางมะตอย: ถนนและกันซึม
รัฐบาลไทยมีมาตรการช่วยเหลือประชาชนอย่างไร เมื่อราคาน้ำมันดิบสูงขึ้น?
เมื่อราคาน้ำมันดิบสูง รัฐมีมาตรการช่วยเหลือ เช่น
- ตรึงราคาน้ำมัน: ใช้น้ำมันกองทุนอุดหนุนราคาขาย
- ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน: ลดภาษีเพื่อราคาขายต่ำลง
- พยุงราคา LPG และ NGV: สำหรับหุงต้มและขนส่ง
- มาตรการอื่นๆ: ลดค่าครองชีพหรือช่วยกลุ่มเปราะบาง
การใช้พลังงานทางเลือก เช่น EV จะส่งผลต่อความต้องการน้ำมันดิบในประเทศไทยอย่างไรในอนาคต?
การใช้ EV และพลังงานทางเลือกจะลดความต้องการน้ำมันเบนซินและดีเซลในขนส่ง ลดการนำเข้าน้ำมันและเพิ่มความมั่นคงพลังงาน แต่ปิโตรเคมียังต้องการน้ำมันดิบสำหรับวัตถุดิบอื่นๆ ทำให้บทบาทเปลี่ยนแต่ยังสำคัญ
การสำรวจและขุดเจาะน้ำมันดิบในประเทศไทยมีข้อจำกัดหรือผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมอย่างไร?
การสำรวจและขุดเจาะมีข้อจำกัดและผลกระทบ เช่น
- การรบกวนระบบนิเวศ: กระทบสัตว์ทะเลและปะการัง
- ความเสี่ยงจากการรั่วไหล: มลพิษน้ำและชายฝั่ง
- การปล่อยก๊าซเรือนกระจก: ส่งผลต่อสภาพอากาศ
- การใช้พื้นที่: เปลี่ยนภูมิทัศน์
หน่วยงานต้องควบคุมตามมาตรฐานสากล
ก๊าซธรรมชาติ (Natural Gas) แตกต่างจากน้ำมันดิบอย่างไร และมีความสำคัญต่อไทยเท่ากันหรือไม่?
ทั้งคู่เป็นฟอสซิล แต่ต่างกันที่
- น้ำมันดิบ: ของเหลว ไฮโดรคาร์บอนยาว สำหรับขนส่งและปิโตรเคมี
- ก๊าซธรรมชาติ: ก๊าซ มีเทนหลัก สำหรับไฟฟ้า อุตสาหกรรม และ NGV
ทั้งสองสำคัญเท่ากันต่อเศรษฐกิจไทย โดยก๊าซสำหรับไฟฟ้า น้ำมันสำหรับขนส่งและปิโตรเคมี
เราจะติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับราคาน้ำมันดิบและพลังงานในประเทศไทยได้จากแหล่งใดที่น่าเชื่อถือ?
แหล่งข้อมูลน่าเชื่อถือ ได้แก่
- สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.): www.eppo.go.th (ราคาและสถิติพลังงาน)
- กระทรวงพลังงาน: www.energy.go.th (นโยบายและข่าวพลังงาน)
- บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน): www.pttgroup.com (ราคาขายและธุรกิจพลังงาน)
- ธนาคารแห่งประเทศไทย: www.bot.or.th (เศรษฐกิจและเงินเฟ้อจากน้ำมัน)
สื่อเศรษฐกิจชั้นนำก็ช่วยติดตามแบบเรียลไทม์
 
		 
						 
						