บทนำ: ทำไมต้องลงทุนใน ETF จีน?
ในโลกที่เศรษฐกิจเชื่อมโยงกันอย่างแนบแน่น นักลงทุนชาวไทยควรหาโอกาสใหม่ๆ เพื่อขยายพอร์ตการลงทุนให้กว้างขึ้น จีนซึ่งเป็นเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ลำดับสองของโลก กำลังแสดงศักยภาพการเติบโตที่โดดเด่น ผ่านนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ตลาดผู้บริโภคขนาดยักษ์ และนโยบายรัฐที่ผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจ ปัจจัยเหล่านี้ดึงดูดนักลงทุนทั่วโลกให้หันมามองตลาดหุ้นจีนอย่างจริงจัง

แต่การลงทุนตรงในหุ้นจีนอาจดูยุ่งยากสำหรับนักลงทุนรายย่อยในไทย เนื่องจากมีข้อจำกัดเรื่องกฎเกณฑ์ การเข้าถึงตลาด รวมถึงอุปสรรคทางภาษาและวัฒนธรรม ดังนั้น ETF จีน หรือกองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้นและดัชนีที่เกี่ยวข้องกับจีน จึงเป็นทางเลือกที่สะดวกและน่าดึงดูด ช่วยให้นักลงทุนกระจายความเสี่ยงและคว้าโอกาสจากเศรษฐกิจจีนได้ โดยไม่ต้องลงลึกในรายละเอียดของแต่ละบริษัทมากนัก บทความนี้จะพาคุณสำรวจทุกมุมมองของ ETF จีน เพื่อเป็นแนวทางครบถ้วนสำหรับนักลงทุนไทย
ทำความรู้จัก ETF จีน: ประเภทและลักษณะสำคัญ
ETF จีนคือกองทุนรวมที่ติดตามดัชนี โดยลงทุนในหลักทรัพย์ที่เชื่อมโยงกับตลาดจีน เพื่อให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิง นักลงทุนซื้อขายหน่วยลงทุนได้เหมือนหุ้นทั่วไป ผ่านตลาดหลักทรัพย์ไทย หากเป็น ETF ที่จดทะเบียนในไทย หรือผ่านแพลตฟอร์มที่รองรับการลงทุนต่างประเทศ

ประเภทของ ETF จีนแบ่งตามสินทรัพย์ที่ลงทุน ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบ ดังนี้
- ETF หุ้น A-shares: เน้นหุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดเซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทใหญ่และเติบโตเร็ว ดัชนีหลักที่ใช้คือ CSI 300 หรือ FTSE China A50
- ETF หุ้น H-shares: ลงทุนในหุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนในฮ่องกง มักเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่น่าเชื่อถือและมีการกำกับดูแลโปร่งใส ดัชนีที่นิยมคือ Hang Seng China Enterprises Index
- ETF หุ้นเทคโนโลยีจีน: มุ่งไปที่บริษัทเทคชั้นนำอย่าง Alibaba, Tencent, Meituan ซึ่งมีโอกาสเติบโตสูง ดัชนีที่ใช้บ่อยคือ Hang Seng Tech Index หรือ CSI Internet Index
- ETF หุ้นอุตสาหกรรมเฉพาะ: เช่น พลังงานสะอาดอย่างรถไฟฟ้าและโซลาร์ การแพทย์ หรือสินค้าอุปโภคบริโภค ช่วยให้นักลงทุนเลือกธีมที่สนใจได้ตรงจุด
การเลือก ETF จีนที่ใช่ ต้องพิจารณาจากเป้าหมายและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ การศึกษาดัชนีอ้างอิงและองค์ประกอบหุ้นในกองทุนจะช่วยให้ตัดสินใจได้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในตลาดที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วอย่างจีน
ประโยชน์และความเสี่ยงของการลงทุนใน ETF จีน
การลงทุนใน ETF จีนนำมาซึ่งทั้งโอกาสและความท้าทายที่นักลงทุนไทยควรทำความเข้าใจ เพื่อประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ

ประโยชน์หลักที่ได้จาก ETF จีน:
- กระจายความเสี่ยง: เปิดโอกาสลงทุนในตลาดต่างประเทศอย่างจีนได้สะดวก ลดการพึ่งพาตลาดหุ้นไทยเพียงอย่างเดียว
- เข้าถึงง่าย: ไม่จำเป็นต้องเปิดบัญชีในจีน สามารถซื้อผ่านโบรกเกอร์ไทยหรือ DR ที่จดทะเบียนใน SET
- สภาพคล่องดี: ETF ส่วนใหญ่ซื้อขายได้รวดเร็ว ช่วยให้นักลงทุนปรับพอร์ตได้ทันท่วงที
- ต้นทุนต่ำ: ค่าใช้จ่ายบริหารจัดการมักถูกกว่ากองทุนรวมแบบ主动
- โปร่งใส: ข้อมูลการลงทุน เช่น รายหุ้นที่ถือ เปิดเผยสม่ำเสมอ ให้นักลงทุนมั่นใจในสิ่งที่ลงทุน
ความเสี่ยงที่ต้องระวัง:
- ภูมิรัฐศาสตร์: ความขัดแย้งระหว่างประเทศ โดยเฉพาะจีนกับสหรัฐฯ และชาติตะวันตก อาจกระทบตลาดหุ้นจีน ต้องติดตามข่าวสารใกล้ชิด
- กฎระเบียบ: รัฐบาลจีนปรับนโยบายบ่อย เช่น ควบคุมเทคยักษ์หรืออสังหาฯ ซึ่งส่งผลต่อบริษัทใน ETF
- ความผันผวน: ตลาดเกิดใหม่อย่างจีนมีขึ้นลงรุนแรงกว่าตลาดพัฒนาแล้ว
- อัตราแลกเปลี่ยน: ส่วนใหญ่ลงทุนในหยวนหรือดอลลาร์ฮ่องกง ทำให้มูลค่าการลงทุนของเงินบาทผันผวนตามค่าเงิน
- เศรษฐกิจมหภาค: การชะลอตัวของจีน ปัญหาอสังหาฯ หรือวิกฤตการเงิน กระทบผลตอบแทนโดยตรง
นักลงทุนควรชั่งน้ำหนักความเสี่ยงเหล่านี้ให้ดี และจัดสรรเงินทุนตามความสามารถในการรับมือ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นจีน ลองดูรายงานจาก SET China Market Report เพื่ออัปเดตสถานการณ์ล่าสุด
เปรียบเทียบ ETF จีน และ DR จีน ที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนไทย
ในตลาดทุนไทย นักลงทุนมีทางเลือกในการเข้าถึงหุ้นจีนทั้งผ่าน ETF ที่จดทะเบียนต่างประเทศ (ซื้อขายด้วยโบรกเกอร์ไทยที่รองรับ) และ DR ที่จดทะเบียนใน SET ซึ่งคล้าย ETF แต่เป็นตราสารที่ธนาคารไทยออกเพื่ออ้างอิงหุ้นหรือ ETF ต่างชาติ ทำให้สะดวกยิ่งขึ้น
นี่คือตัวอย่างผลิตภัณฑ์เด่นและการเปรียบเทียบ เพื่อช่วยให้คุณเห็นภาพชัดเจน
ตารางเปรียบเทียบ ETF จีน และ DR จีน สำหรับนักลงทุนไทย
| คุณสมบัติ | K-CHINA (กองทุนรวม) | CHINA ETF (BBLAM) บน SET | DRON3188ETFR (ONE AM) บน SET | DRCN01 (SCBAM) บน SET |
|---|---|---|---|---|
| ประเภท | กองทุนรวม (Mutual Fund) | ETF (Exchange Traded Fund) | DR (Depositary Receipt) | DR (Depositary Receipt) |
| ผู้ออก/จัดการ | บลจ. กสิกรไทย | บลจ. บัวหลวง (BBLAM) | บลจ. วรรณ (ONE AM) | บลจ. ไทยพาณิชย์ (SCBAM) |
| ตลาดซื้อขาย | ซื้อผ่านธนาคาร/บลจ./แอปฯ สตรีมมิ่ง | ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) | ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) | ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) |
| ดัชนีอ้างอิง | MSCI China | FTSE China A50 | iShares China Large-Cap ETF (FXI) | ChinaAMC CSI 300 Index ETF (3188.HK) |
| ค่าธรรมเนียมการจัดการ | ~1.60% ต่อปี | ~0.80% ต่อปี | ~0.85% ต่อปี (รวมค่าบริหารจัดการของ FXI) | ~0.60% ต่อปี (รวมค่าบริหารจัดการของ 3188.HK) |
| นโยบายปันผล | ไม่มีปันผล (สะสมผลกำไร) | อาจมี (ขึ้นอยู่กับนโยบายของ ETF) | มี (ขึ้นอยู่กับนโยบายของ FXI) | มี (ขึ้นอยู่กับนโยบายของ 3188.HK) |
| สินทรัพย์หลัก | หุ้นจีนขนาดใหญ่ใน MSCI China (Tencent, Alibaba) | หุ้น A-shares ขนาดใหญ่ 50 อันดับแรกในจีนแผ่นดินใหญ่ | หุ้นจีนขนาดใหญ่ 50 อันดับแรกในตลาดฮ่องกง | หุ้น A-shares ขนาดใหญ่ 300 อันดับแรกในจีนแผ่นดินใหญ่ |
| ข้อสังเกต | เน้นหุ้นเติบโต, ความหลากหลายสูง | เน้น A-shares ขนาดใหญ่, เป็น ETF ไทยตัวแรกๆ | อ้างอิง ETF ที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ, ลงทุนง่าย | อ้างอิง ETF ที่จดทะเบียนในฮ่องกง, ลงทุน A-shares |
*หมายเหตุ: ข้อมูลค่าธรรมเนียมและนโยบายปันผลอาจมีการเปลี่ยนแปลง ควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากแหล่งข้อมูลของผู้ออกผลิตภัณฑ์*
การเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น
- ประเภทสินทรัพย์: ต้องการ A-shares, H-shares หรือเทคโนโลยี
- ดัชนีอ้างอิง: แต่ละดัชนีมีองค์ประกอบและความผันผวนต่างกัน
- ค่าธรรมเนียม: เปรียบเทียบค่าใช้จ่ายทั้งหมด
- นโยบายปันผล: ถ้าต้องการรายได้定期 เลือกที่มีปันผล
- ความสะดวก: DR ซื้อขายบน SET ง่ายเหมือนหุ้นไทย ขณะที่ ETF ต่างประเทศต้องใช้โบรกเกอร์เฉพาะ
ตัวอย่างเช่น หากคุณสนใจหุ้นใหญ่ในแผ่นดินใหญ่ DRCN01 อาจตอบโจทย์ดี ในขณะที่นักลงทุนที่ชอบเทคโนโลยีอาจมองหา ETF อย่าง KWEB ผ่านแพลตฟอร์มต่างประเทศ
วิธีการลงทุนใน ETF จีน: แพลตฟอร์มและขั้นตอนสำหรับนักลงทุนไทย
นักลงทุนไทยสามารถเข้าถึง ETF จีนได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับว่าต้องการ DR ในไทยหรือ ETF ต่างประเทศโดยตรง ซึ่งแต่ละช่องทางมีข้อดีต่างกัน
1. ลงทุนใน DR จีน บนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)
วิธีนี้สะดวกที่สุด เพราะซื้อขายเหมือนหุ้นไทย ผ่านแอปอย่าง Streaming หรือโบรกเกอร์ที่ใช้ เช่น Bualuang Securities, SCB Securities, Kiatnakin Phatra
ขั้นตอน:
- เปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์: ถ้ายังไม่มี ให้สมัครกับโบรกเกอร์ที่เลือก
- เข้าสู่ระบบ Streaming/แอปฯ ของโบรกเกอร์: ใช้ชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน
- ค้นหา DR จีน: พิมพ์ชื่อย่อ เช่น
CHINA,DRON3188ETFR,DRCN01 - ส่งคำสั่งซื้อ: กำหนดจำนวนหน่วยและราคา (ตั้งเองหรือตลาด)
- ยืนยันคำสั่ง: ตรวจสอบแล้วยืนยัน
[รูปภาพ: หน้าจอการค้นหาและส่งคำสั่งซื้อ DR จีนในแอปพลิเคชัน Streaming]
2. ลงทุนใน ETF จีน ผ่านแพลตฟอร์มลงทุนต่างประเทศ
แพลตฟอร์มเหล่านี้ให้ตัวเลือก ETF จากสหรัฐฯ ฮ่องกง หรือสิงคโปร์ ซึ่งหลากหลายกว่า DR ในไทย
ตัวอย่างแพลตฟอร์มยอดนิยมในไทย:
- Dime! (จาก Kiatnakin Phatra): แอปยอดฮิตสำหรับหุ้นและ ETF ต่างประเทศ ค่าธรรมเนียมแข่งขัน
- Streaming for Global (จาก SETtrade): โบรกเกอร์ไทยส่วนใหญ่รองรับ
- Jitta Wealth: บริการจัดการพอร์ตที่ลงทุน ETF ต่างประเทศ รวม ETF จีน
ขั้นตอน (ตัวอย่างจาก Dime!):
- ดาวน์โหลดและเปิดบัญชี Dime!: ยืนยันตัวตนตามขั้นตอน
- โอนเงินเข้าบัญชี: ผูกบัญชีธนาคารและโอนเงินบาท
- แลกเปลี่ยนสกุลเงิน (ถ้าจำเป็น): ถ้า ETF ใช้ USD หรือ HKD ให้แลกเงินในแอป
- ค้นหา ETF จีน: พิมพ์ชื่อหรือ Ticker เช่น
FXI(iShares China Large-Cap ETF),MCHI(iShares MSCI China ETF) - ส่งคำสั่งซื้อ: กำหนดจำนวนและราคา
- ยืนยันคำสั่ง: ตรวจสอบแล้วยืนยัน
[รูปภาพ: หน้าจอการค้นหาและซื้อ ETF จีนในแอปพลิเคชัน Dime!]
เลือกแพลตฟอร์มตามความสะดวก ค่าใช้จ่าย และตัวเลือกผลิตภัณฑ์ ศึกษาละเอียดก่อนเริ่ม เพื่อให้เหมาะกับสไตล์การลงทุนของคุณ
ภาษีและการวางแผนสำหรับการลงทุนใน ETF จีนในประเทศไทย
เรื่องภาษีเป็นประเด็นสำคัญที่นักลงทุนไทยต้องใส่ใจ เมื่อลงทุน ETF จีน เพราะกฎเกณฑ์ต่างจากการลงทุนในประเทศ ซึ่งอาจทำให้เกิดภาระเพิ่มเติมหากไม่วางแผน
1. ภาษีเงินปันผล (Dividend Tax):
- DR จีนที่จดทะเบียนใน SET: เงินปันผลถูกหักภาษี 10% ณ ที่จ่ายตามกฎไทย ถ้ามาจากต่างประเทศ อาจถูกหักภาษีซ้อน (เช่น ในจีนหรือฮ่องกง) แต่ DR บางตัวมีกลไกช่วยลดภาษีซ้ำ
- ETF จีนที่จดทะเบียนในต่างประเทศ (ซื้อผ่านโบรกเกอร์ไทย): เงินปันผลถูกหักภาษีในประเทศต้นทาง (15-30% ตามประเทศและอนุสัญญา) ถ้านำเข้าประเทศไทยในปีเดียวกันและเกิน 20,000 บาท ต้องรวมคำนวณภาษีบุคคลธรรมดา แต่สามารถเครดิตภาษีต่างประเทศได้ตามอนุสัญญาภาษีซ้อน
2. ภาษีกำไรจากการขาย (Capital Gains Tax):
- DR จีนที่จดทะเบียนใน SET: กำไรจากการขายยกเว้นภาษีบุคคลธรรมดา ตามมาตรา 42(17) ของประมวลรัษฎากร เหมือนหุ้นใน SET
- ETF จีนที่จดทะเบียนในต่างประเทศ (ซื้อผ่านโบรกเกอร์ไทย): กำไรที่เกิดนอกไทยและไม่นำกลับในปีเดียวกัน ไม่ต้องเสียภาษีไทย แต่ถ้านำกลับ ต้องรวมคำนวณภาษี ซึ่งกฎนี้ค่อนข้างซับซ้อนและอาจเปลี่ยนแปลง
ข้อควรพิจารณาและคำแนะนำ:
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: กฎภาษีซับซ้อนและเปลี่ยนบ่อย ควรคุยกับที่ปรึกษาภาษีหรือกรมสรรพากร
- บันทึกข้อมูล: จดรายละเอียดการซื้อขายและปันผลให้ครบ เพื่อยื่นภาษี
- วางแผนนำเงินกลับ: จังหวะนำกำไรเข้าประเทศอาจช่วยลดภาษีได้
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาษีลงทุนต่างประเทศ ดูได้จากเว็บไซต์ของ กรมสรรพากร เพื่อให้มั่นใจในกฎล่าสุด
บทสรุป: กลยุทธ์การลงทุนและอนาคตของ ETF จีน
ETF จีนคือทางเข้าที่สะดวกสำหรับนักลงทุนไทยที่อยากมีส่วนแบ่งในศักยภาพเศรษฐกิจจีน แต่การลงทุนต่างประเทศมักมีความเสี่ยงสูงกว่า ดังนั้นต้องศึกษาละเอียดและวางแผนให้รอบคอบ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ยั่งยืน
กลยุทธ์การลงทุนใน ETF จีน:
- รู้จักตัวเอง: ประเมินเป้าหมาย ระยะเวลา และความเสี่ยงที่รับได้
- กระจายพอร์ต: อย่าลงทุน ETF จีนทั้งหมด ผสมกับสินทรัพย์อื่นเพื่อลดความเสี่ยง
- ลงทุนแบบ DCA: ทยอยซื้อสม่ำเสมอ เพื่อเฉลี่ยต้นทุนและรับมือความผันผวน
- ติดตามข่าว: ตลาดจีน敏感ต่อเศรษฐกิจ การเมือง และกฎหมาย การอัปเดตข้อมูลช่วยตัดสินใจดีขึ้น
- เช็คค่าธรรมเนียม: แม้ ETF ถูก แต่เปรียบเทียบระหว่างกองทุนเพื่อประหยัด
อนาคตของ ETF จีน:
แม้จีนเผชิญความท้าทายอย่างปัญหาอสังหาฯ และสังคมสูงวัย แต่โอกาสเติบโตระยะยาวยังสดใส โดยเฉพาะเทคโนโลยี พลังงานสะอาด และการบริโภคในประเทศ รัฐบาลยังผลักดันเศรษฐกิจคุณภาพสูงและยั่งยืน ซึ่งจะหนุนตลาดหุ้น ETF จีนจึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการเข้าร่วมการเติบโตนี้ การเลือก ETF ที่ตรงธีม เช่น เทคโนโลยีหรือพลังงานสะอาด อาจให้ผลดีในระยะยาว โดยเฉพาะเมื่อจีนฟื้นตัวจากความท้าทายปัจจุบัน
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ ETF จีน (FAQs)
1. ETF จีน Dime ดีไหม? มีข้อดีข้อเสียอย่างไร?
Dime เป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมสำหรับนักลงทุนไทยที่อยากลงทุน ETF ต่างประเทศ รวมถึง ETF จีนจากตลาดสหรัฐฯ หรือฮ่องกง ข้อดีคือ ใช้งานสะดวก ค่าธรรมเนียมไม่แพง และมีตัวเลือกหลากหลาย แต่ข้อเสียคือต้องคำนึงถึงอัตราแลกเปลี่ยนและภาษีที่ยุ่งยากกว่า DR ในไทย
2. Etf CHINA ปันผลเป็นอย่างไร? ฉันจะได้รับเงินปันผลหรือไม่?
ETF จีนบางกองจ่ายปันผล บางกองสะสมกำไรไว้ ถ้ากองที่คุณเลือกมีนโยบายปันผล คุณจะได้เงินตามสัดส่วน แต่ถูกหักภาษีต่างประเทศก่อน และถ้านำเข้าประเทศไทยในปีเดียวกัน อาจต้องรวมคำนวณภาษีไทยเพิ่ม ตรวจสอบนโยบายแต่ละกองให้ดีก่อนลงทุน
3. จะซื้อ ETF หุ้น เทค จีน ได้จากไหนในประเทศไทย?
คุณสามารถซื้อ ETF หุ้นเทคจีนได้หลายทาง:
- แพลตฟอร์มลงทุนต่างประเทศ: เช่น Dime!, Streaming for Global (ผ่านโบรกเกอร์ไทย) ที่มี ETF อย่าง KWEB (KraneShares CSI China Internet ETF) หรือ CQQQ (Invesco China Technology ETF)
- DR จีนบน SET: มี DR บางตัวอ้างอิง ETF เทคโนโลยีจีน เช่น ที่ติดตาม Hang Seng Tech Index ซื้อขายบน SET ได้เลย
4. ETF จีน Streaming มีตัวไหนน่าสนใจบ้าง และมีวิธีการซื้อขายอย่างไร?
ใน Streaming คุณซื้อ DR จีนบน SET ได้ เช่น CHINA (BBLAM), DRON3188ETFR (ONE AM) หรือ DRCN01 (SCBAM) ถ้าต้องการ ETF จีนต่างประเทศ ใช้ Streaming for Global จากโบรกเกอร์ที่รองรับลงทุนต่างประเทศ ซึ่งมีตัวเลือกมากกว่า วิธีซื้อขายคล้ายหุ้นไทย: ค้นหา Ticker กำหนดจำนวนราคา แล้วส่งคำสั่ง
5. ลงทุน ETF จีน มีความเสี่ยงอะไรบ้างที่นักลงทุนไทยต้องระวังเป็นพิเศษ?
นักลงทุนไทยควรระวังความเสี่ยงสำคัญ ดังนี้:
- อัตราแลกเปลี่ยน: เงินบาทผันผวนเทียบหยวนหรือดอลลาร์ฮ่องกง ส่งผลต่อผลตอบแทน
- ภูมิรัฐศาสตร์: ความสัมพันธ์จีนกับสหรัฐฯ และชาติตะวันตก
- กฎระเบียบ: นโยบายรัฐบาลจีนที่เปลี่ยนแปลงกระทบบริษัท
- ความผันผวน: ตลาดหุ้นจีนขึ้นลงแรง
6. ETF จีน เหมาะกับนักลงทุนประเภทไหน? ควรมีเงินทุนเท่าไหร่?
ETF จีนเหมาะกับนักลงทุนที่:
- สนใจการเติบโตของเศรษฐกิจจีน
- อยากกระจายความเสี่ยงต่างประเทศ
- รับมือความผันผวนตลาดเกิดใหม่ได้
- มองระยะยาว
เงินทุนเริ่มต้นขึ้นกับผลิตภัณฑ์ DR จีนเริ่มต้นต่ำ (หน่วยละสิบถึงร้อยบาท) ETF ต่างประเทศอาจต้องทุนมากกว่าเล็กน้อย ตามราคาหน่วยและขั้นต่ำของโบรกเกอร์
7. ความแตกต่างระหว่าง ETF จีน กับกองทุนรวมจีนคืออะไร? ควรเลือกแบบไหน?
ETF จีน: ซื้อขายเหมือนหุ้นในตลาด บริหารแบบติดตามดัชนี ค่าธรรมเนียมต่ำ โปร่งใสสูง
กองทุนรวมจีน: ซื้อผ่าน บลจ. บริหารแบบเลือกหุ้นเอง ค่าธรรมเนียมสูง ราคาตาม NAV สิ้นวัน
การเลือก: ถ้าต้องการยืดหยุ่น ถูก และตามดัชนี เลือก ETF ถ้าอยากให้ผู้เชี่ยวชาญเลือกหุ้น (หวังผลดีกว่าดัชนี) และไม่ซีเรียสค่าธรรมเนียม เลือกกองทุนรวม
8. ต้องเสียภาษีจากการลงทุน ETF จีนในไทยอย่างไร? มีวิธีลดหย่อนภาษีไหม?
สำหรับ ETF จีนต่างประเทศ เงินปันผลหักภาษีต่างประเทศ และถ้านำกลับไทยปีเดียวกัน รวมคำนวณภาษีเพิ่ม กำไรขายไม่เสียภาษีถ้าไม่นำกลับปีเดียวกัน DR จีนยกเว้นภาษีกำไรขาย แต่ปันผลหัก 10% ปัจจุบันไม่มีลดหย่อนตรงๆ เหมือน SSF/RMF ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญภาษีเพื่อวางแผน
9. สามารถดูข้อมูลและราคา ETF จีนแบบเรียลไทม์ได้จากที่ไหนบ้าง?
ดูข้อมูลและราคา ETF จีนได้จากหลายที่:
- เว็บตลาดหลักทรัพย์: สำหรับ DR บน SET (www.set.or.th)
- เว็บผู้ออก ETF/DR: เช่น BBLAM, ONE AM, SCBAM, KraneShares, iShares
- แหล่งข่าวการเงิน: Bloomberg, Reuters, Yahoo Finance, Investing.com
- แอปโบรกเกอร์: Streaming, Dime!
10. การลงทุนใน DR จีน แตกต่างจาก ETF จีน อย่างไร และมีข้อควรพิจารณาอะไรบ้าง?
DR จีน: ตราสารจากธนาคารไทย อ้างอิงหุ้น/ETF ต่างประเทศ ซื้อขายบน SET สะดวก ไม่ต้องแลกเงินเอง
ETF จีน (ต่างประเทศ): กองทุนติดตามดัชนีจดทะเบียนต่างประเทศ (สหรัฐฯ ฮ่องกง) ซื้อผ่านโบรกเกอร์ต่างประเทศ ตัวเลือกมากกว่า แต่จัดการเงินและภาษีเอง
ข้อควรพิจารณา: DR สะดวกแต่ตัวเลือกน้อย ETF ให้เข้าถึงกว้างแต่ซับซ้อนเรื่องเงินและภาษี