### ทำไม ETF ทองคำ ถึงเป็นตัวเลือกที่น่าดึงดูดสำหรับนักลงทุนในไทย
ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจโลกเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ หรือความแกว่งไกวของตลาดหุ้น ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนทั่วโลกมองว่าเชื่อถือได้ในฐานะที่หลบภัยทางเศรษฐกิจ และช่วยรักษาคุณค่าของเงินทุน ในบ้านเรา การลงทุนทองคำก็เป็นที่ชื่นชอบมานาน ไม่ว่าจะซื้อทองแท่งหรือเครื่องประดับทองคำ

แต่การถือทองคำจริงๆ อาจเจอปัญหาเรื่องสภาพคล่อง การเก็บรักษาที่ยุ่งยาก และความกังวลเรื่องความปลอดภัย สำหรับคนที่อยากลงทุนทองคำแบบง่ายและมีประสิทธิภาพ ETF ทองคำ หรือ Gold Exchange Traded Fund จึงกลายเป็นทางออกที่น่าสนใจมาก มันช่วยให้นักลงทุนติดตามการเปลี่ยนแปลงของราคาทองคำได้โดยไม่ต้องถือทองจริง พร้อมทั้งมีข้อดีเรื่องสภาพคล่องและค่าบริหารที่ต่ำกว่าวิธีอื่นๆ บทความนี้จะพาคุณสำรวจทุกมุมมองของ ETF ทองคำ เพื่อเป็นแนวทางครบถ้วนสำหรับนักลงทุนไทยที่กำลังพิจารณาสินทรัพย์นี้

### ETF ทองคำ คืออะไร? รู้จักก่อนตัดสินใจลงทุน
ETF ทองคำ หรือที่เรียกเต็มๆ ว่า Gold Exchange Traded Fund คือกองทุนรวมแบบดัชนีที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยมุ่งเน้นการลงทุนในทองคำหรือสินทรัพย์ที่ผูกติดกับราคาทองคำ ทำให้คุณสามารถซื้อขายหน่วยกองทุนได้เหมือนหุ้นทั่วไป ราคาของหน่วยเหล่านี้จะเคลื่อนไหวตามราคาทองคำในตลาดโลก

#### ความหมายและการทำงานของ ETF ทองคำ
ETF ทองคำรวบรวมเงินจากนักลงทุนหลายคน แล้วนำไปลงทุนในทองคำแท่งจริงหรือสัญญาฟิวเจอร์สทองคำ จากนั้นกองทุนจะออกหน่วยลงทุนและนำมาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ คุณจึงซื้อขายได้ในช่วงเวลาทำการปกติ ราคาของ ETF จะตามราคาทองคำโลกอย่างใกล้เคียง โดยมีผู้จัดการกองทุนคอยดูแลให้สอดคล้องกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งช่วยให้การลงทุนราบรื่นและเชื่อถือได้
#### ต่างจากทองคำแท่งและกองทุนทองคำทั่วไปอย่างไร
การลงทุนทองคำมีหลายช่องทาง แต่ละแบบมีจุดเด่นและข้อจำกัดต่างกัน การรู้จักความแตกต่างจะช่วยให้คุณเลือกถูกต้องตามสไตล์ตัวเอง
* **ทองคำแท่ง (ซื้อทองจริง):** วิธีตรงไปตรงมา คือถือทองคำของจริง ข้อดีคือได้สินทรัพย์ที่จับต้องได้ แต่ต้องจัดการเรื่องเก็บรักษาและความปลอดภัยเอง มีส่วนต่างราคาซื้อขายที่สูง และสภาพคล่องอาจไม่ดีเท่าตลาดหุ้น
* **กองทุนทองคำทั่วไป:** คล้ายกันคือลงทุนในทองคำ แต่ส่วนใหญ่เป็นกองทุนเปิดที่ซื้อขายได้แค่วันละครั้งตอนสิ้นวัน (ตาม NAV) ทำให้ขาดความยืดหยุ่น บางกองอาจลงทุนในหุ้นเหมืองทองหรือบริษัทเกี่ยวข้อง ซึ่งผลตอบแทนอาจไม่ตรงกับราคาทองคำเต็มๆ
* **ETF ทองคำ:** รวมข้อดีจากทั้งคู่ คือซื้อขายได้ตลอดเวลาทำการเหมือนหุ้น และติดตามราคาทองคำจริงๆ มีสภาพคล่องดีกว่าทองแท่ง ค่าบริหารโปร่งใสและต่ำกว่าบางกองทุน ทำให้เหมาะสำหรับคนที่อยากลงทุนแบบคล่องตัว
### ข้อดีและข้อเสียของการลงทุน ETF ทองคำ
ETF ทองคำมีจุดแข็งหลายอย่างที่ดึงดูดใจ แต่ก็มีจุดที่ต้องชั่งน้ำหนักก่อนตัดสินใจ
#### ข้อดี: คล่องตัว ราคาถูก เข้าถึงสะดวก
* **สภาพคล่องดีเยี่ยม:** ซื้อขายได้ตลอดเวลาทำการตลาดหลักทรัพย์ ช่วยให้ปรับพอร์ตได้ยืดหยุ่นตามสถานการณ์
* **ต้นทุนต่ำ:** ค่าบริหารจัดการมักต่ำกว่ากองทุนทองคำแบบอื่นๆ และไม่ต้องจ่ายค่าจัดเก็บหรือประกันทองจริง
* **เข้าถึงง่ายดาย:** ใช้บัญชีหุ้นที่มีอยู่กับโบรกเกอร์หรือแอปลงทุนดิจิทัลได้เลย
* **ไม่ยุ่งยากเรื่องเก็บรักษา:** ไม่ต้องกังวลความปลอดภัยของทองจริง ลดความเสี่ยงได้มาก
* **ช่วยกระจายความเสี่ยง:** ทองคำมักเคลื่อนไหวตรงข้ามกับหุ้นและสินทรัพย์อื่นๆ จึงเป็นตัวช่วยสมดุลพอร์ต โดยเฉพาะในยามเศรษฐกิจปั่นป่วน
#### ข้อเสีย: เสี่ยงราคาและค่าธรรมเนียมที่ซ่อนอยู่
* **ความผันผวนของราคา:** ราคา ETF จะขึ้นลงตามทองคำโลก ถ้าทองตก คุณก็อาจขาดทุน
* **ค่าธรรมเนียมอื่นๆ:** แม้ค่าบริหารต่ำ แต่ยังมีค่าคอมมิชชั่นซื้อขายเหมือนหุ้น และบางรายอาจมีค่าอื่นที่ไม่ชัดเจน
* **ผลจากอัตราแลกเปลี่ยน:** สำหรับ ETF ต่างประเทศ นักลงทุนไทยจะเจอความเสี่ยงจากค่าเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐ
* **ความเสี่ยงจากกองทุน:** แม้ต่ำ แต่ผู้จัดการอาจทำให้ราคา ETF ไม่ตรงทองคำเป๊ะๆ (เรียกว่า Tracking Error) หรือสภาพคล่องตลาดรองอาจชะลอตัวในบางช่วง
### ETF ทองคำ ยอดฮิตสำหรับนักลงทุนไทย
จาก ETF ทองคำทั่วโลก มีตัวเลือกยอดนิยมที่ไทยเข้าถึงได้ง่าย
#### SPDR Gold Trust (GLD): ETF ทองคำชั้นนำระดับโลก
**SPDR Gold Trust (GLD)** คือ ETF ทองคำที่ใหญ่และคล่องตัวที่สุด จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE Arca) GLD ลงทุนในทองแท่งจริงที่เก็บในตู้นิรภัย ราคาจึงตามทองโลกอย่างแม่นยำ ด้วยขนาดใหญ่และความน่าเชื่อถือ GLD จึงเป็นตัวหลักสำหรับนักลงทุนทั่วโลก รวมถึงคนไทย
นักลงทุนไทยเข้าถึง GLD ได้ตรงๆ ผ่านโบรกเกอร์ที่รับหุ้นต่างประเทศ หรือแพลตฟอร์มดิจิทัลที่เชื่อมตลาดโลก ซึ่งช่วยให้ลงทุนได้สะดวกแม้อยู่ไกล
#### ETF ทองคำในไทย (เช่น GLD-D): ทางเลือกที่ใกล้ตัว
เพื่อให้นักลงทุนไทยสะดวก ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) อนุญาตให้โบรกเกอร์นำ ETF ต่างประเทศมาขายในรูปแบบ DR (Depositary Receipt) หรือ DRx ซึ่งเป็นสิทธิในหลักทรัพย์ต่างแดน
ตัวอย่างเด่นคือ **GLD-D** ซึ่งเป็น DR ของ SPDR Gold Trust (GLD) ซื้อขายใน SET ด้วยเงินบาท ทำให้ไม่ต้องแลกเงินเอง ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ GLD-D สามารถดูได้จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตัวเลือกนี้เหมาะสำหรับคนที่อยากลงทุนทองต่างประเทศแบบไม่ยุ่งยาก
#### ตารางเปรียบเทียบ ETF ทองคำ ยอดนิยม
| คุณสมบัติ | SPDR Gold Trust (GLD) | GLD-D (DR ของ GLD) |
| :—————- | :————————————————————- | :————————————————————- |
| **ตลาดที่ซื้อขาย** | NYSE Arca (ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก) | ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) |
| **สกุลเงินที่ซื้อขาย** | ดอลลาร์สหรัฐฯ (USD) | บาทไทย (THB) |
| **การเข้าถึง** | ผ่านโบรกเกอร์ที่รับซื้อขายหุ้นต่างประเทศ หรือแพลตฟอร์มดิจิทัล | ผ่านโบรกเกอร์ไทยทั่วไป |
| **ค่าธรรมเนียมจัดการ** | ประมาณ 0.40% ต่อปี | มีค่าธรรมเนียมจัดการของ GLD และค่าธรรมเนียมของผู้ออก DR เพิ่มเติม (เล็กน้อย) |
| **ผลกระทบอัตราแลกเปลี่ยน** | มีผลกระทบโดยตรงจาก THB/USD | ราคาอิงกับ GLD แต่ซื้อขายด้วย THB จึงมีอัตราแลกเปลี่ยนสะท้อนในราคาแล้ว |
| **สภาพคล่อง** | สูงมาก (ตลาดโลก) | สูง (ตลาดไทย) |
| **ภาษี** | อาจมีภาษีหัก ณ ที่จ่าย และภาษีกำไรจากการขาย (ขึ้นอยู่กับข้อตกลงทางภาษี) | มีภาษีกำไรจากการขาย (หากมี) ตามกฎหมายไทย |
### วิธีลงทุน ETF ทองคำ สำหรับคนไทย
นักลงทุนไทยมีหลายทางเลือกในการเข้าถึง ETF ทองคำ ขึ้นกับความชำนาญและความสะดวกที่ต้องการ
#### ผ่านโบรกเกอร์หลักทรัพย์
ช่องทางคลาสสิกที่นิยมคือใช้โบรกเกอร์ในไทย เช่น บล.กสิกรไทย (Kasikorn Securities), บล.บัวหลวง (Bualuang Securities) หรือ บล.หลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ (SCB Securities) เปิดบัญชีแล้วสั่งซื้อ ETF ใน SET อย่าง GLD-D ได้เลย
สำหรับ ETF ต่างประเทศอย่าง GLD ต้องใช้โบรกเกอร์ที่รับหุ้นต่างแดน ซึ่งขั้นตอนอาจซับซ้อนกว่าและต้องใช้เงินต่างประเทศ แต่หลายแห่งมีบริการช่วยเหลือให้
#### ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล (เช่น Dime, StashAway)
แอปลงทุนสมัยใหม่ทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น โดยเฉพาะมือใหม่
* **Dime! (จาก Kiatnakin Phatra Securities):** ช่วยลงทุนหุ้นและ ETF ต่างประเทศตรงๆ ด้วยค่าธรรมเนียมต่ำและใช้งานง่าย มี GLD ให้เลือก ลงทุนด้วยบาทได้ Dime! เหมาะสำหรับคนอยากสะดวกและจัดการพอร์ตเอง
* **StashAway:** แบบ robo-advisor ที่จัดพอร์ตอัตโนมัติ รวม ETF ทองคำตามระดับเสี่ยงที่คุณกำหนด ทำให้ลงทุนไม่ต้องคิดเยอะ
#### ปัจจัยที่ควรพิจารณาเลือกแพลตฟอร์ม
* **ค่าธรรมเนียม:** เปรียบเทียบค่าซื้อขาย บริหาร และอื่นๆ
* **เงินขั้นต่ำ:** บางที่เริ่มต้นต่ำ เหมาะมือใหม่
* **ใช้งาน:** อินเทอร์เฟซต้องเข้าใจง่าย
* **บริการลูกค้า:** มีการช่วยเหลือดีเมื่อมีปัญหา
* **กฎระเบียบ:** ตรวจสอบการกำกับดูแลและการคุ้มครองนักลงทุน
### กลยุทธ์และข้อควรระวังในการลงทุน ETF ทองคำ
การลงทุน ETF ทองคำไม่ใช่แค่ซื้อแล้วรอ ต้องมีแผนชัดเจนและระวังจุดเสี่ยง
#### บทบาทของทองคำในพอร์ตลงทุน
ทองคำคือที่หลบภัยและกันเงินเฟ้อหลักๆ ในพอร์ต มันช่วยกระจายความเสี่ยงและรักษาพลังซื้อตอนเศรษฐกิจไม่แน่นอน โดยสัดส่วนทั่วไปคือ 5-15% ของพอร์ตทั้งหมด ซึ่งช่วยลดความแกว่งไกวเพราะทองมักสวนทางกับหุ้น เช่น ในช่วงวิกฤตโควิด ทองคำช่วยพยุงพอร์ตหลายคนได้ดี
#### ผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน (เงินบาท) ต่อ ETF ทองคำต่างประเทศ
สำหรับ ETF อย่าง GLD ที่ใช้ดอลลาร์ ค่าเงินบาทจะมีบทบาทสำคัญ
* **บาทอ่อน (USD/THB สูง):** ผลตอบแทนเพิ่มเมื่อแปลงกลับบาท แม้ราคาทอง USD คงที่
* **บาทแข็ง (USD/THB ต่ำ):** ผลตอบแทนลดลงหรือขาดทุนจากค่าเงิน แม้ทอง USD ขึ้น
ดังนั้น ควรดูแนวโน้มค่าเงินควบคู่ หรือเลือก GLD-D ที่ใช้บาทเพื่อลดความซับซ้อน โดยเฉพาะถ้าคุณคาดการณ์บาทจะผันผวนจากปัจจัยอย่างนโยบายการเงิน
#### ภาษีที่เกี่ยวข้องกับ ETF ทองคำ ในไทย
นักลงทุนไทยต้องรู้เรื่องภาษี โดยเฉพาะกำไรจากการขายและปันผล
* **ภาษีกำไรจากการขาย:**
* **ETF ใน SET (เช่น GLD-D):** กำไรจากการขายยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
* **ETF ต่างประเทศ (เช่น GLD):** ถ้านำกำไรเข้าประเทศในปีเดียวกัน ต้องรวมคำนวณภาษีตามอัตราก้าวหน้า อ้างอิงข้อมูลจากกรมสรรพากร
* **ภาษีปันผล:**
* **ส่วนใหญ่ไม่มีปันผล:** เพราะ ETF ทองคำลงทุนในทองแท่งหรือฟิวเจอร์ส ไม่สร้างรายได้แบบหุ้น
* **ถ้ามี (หายาก):** ปันผลจากต่างประเทศหักภาษีที่ต้นทาง แล้วนำเข้าประเทศต้องรวมภาษีเงินได้
แนะนำปรึกษาที่ปรึกษาภาษีเพื่อข้อมูลอัปเดตและเหมาะสมกับสถานการณ์ส่วนตัว
### สรุป: ETF ทองคำ ทางเลือกที่ควรพิจารณาในสมัยนี้
ETF ทองคำคือทางเลือกที่น่าลองสำหรับการลงทุนทอง ด้วยสภาพคล่องสูง ต้นทุนเข้าถึงง่าย และซื้อขายสะดวกผ่านตลาดหลักทรัพย์ มันช่วยกระจายความเสี่ยงในพอร์ตและเป็นเกราะป้องกันตอนตลาดปั่นป่วนหรือเงินเฟ้อพุ่ง
สำหรับคนไทย การเข้าถึงทำได้ไม่ยาก ไม่ว่าจะ GLD ระดับโลก GLD-D ใน SET หรือแพลตฟอร์มอย่าง Dime และ StashAway แต่การลงทุนไหนก็มีความเสี่ยง ควรศึกษาลึกๆ เรื่องปัจจัยราคาทอง ค่าเงิน และภาษี เพื่อตัดสินใจที่ตรงกับเป้าหมายการเงินของคุณ
1. ETF ทองคำ มีปันผลไหม? และนักลงทุนไทยจะได้รับผลตอบแทนในรูปแบบใด?
โดยทั่วไปแล้ว ETF ทองคำส่วนใหญ่จะไม่มีการจ่ายปันผล เนื่องจากนโยบายหลักคือการลงทุนในทองคำแท่งหรือสัญญาฟิวเจอร์สทองคำ ซึ่งไม่ได้สร้างกระแสเงินสดเหมือนการลงทุนในหุ้น ดังนั้น นักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนหลักจากการเปลี่ยนแปลงของราคาทองคำ หากราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น มูลค่าหน่วยลงทุนของ ETF ทองคำก็จะเพิ่มขึ้น และนักลงทุนจะได้รับกำไรจากการขายหน่วยลงทุนนั้น
2. การลงทุน ETF ทองคำ ผ่านแพลตฟอร์มต่างประเทศ เช่น SPDR Gold Trust (GLD) มีข้อดีข้อเสียอย่างไรเมื่อเทียบกับ GLD-D ในไทย?
SPDR Gold Trust (GLD) ผ่านแพลตฟอร์มต่างประเทศ:
- ข้อดี: สภาพคล่องสูงมาก เข้าถึงตลาดทองคำโลกโดยตรง ค่าธรรมเนียมการจัดการอาจต่ำกว่าเล็กน้อย
- ข้อเสีย: ต้องซื้อขายด้วยสกุลเงิน USD มีความเสเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน THB/USD ที่ส่งผลต่อผลตอบแทนเมื่อแปลงกลับเป็นเงินบาท อาจมีขั้นตอนการเปิดบัญชีที่ซับซ้อนกว่า
GLD-D ในตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET):
- ข้อดี: ซื้อขายด้วยสกุลเงินบาท (THB) ผ่านโบรกเกอร์ไทยทั่วไป สะดวกสำหรับนักลงทุนไทย ไม่ต้องกังวลเรื่องการแลกเปลี่ยนสกุลเงินโดยตรง
- ข้อเสีย: สภาพคล่องอาจไม่สูงเท่า GLD โดยตรง มีค่าธรรมเนียมจัดการของ GLD และค่าธรรมเนียมของผู้ออก DR เพิ่มเติม (เล็กน้อย)
3. ภาษีที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขาย ETF ทองคำ ในประเทศไทย มีอะไรบ้าง และต้องเสียอย่างไร?
สำหรับนักลงทุนไทย:
- กำไรจากการขาย ETF ทองคำที่ซื้อขายใน SET (เช่น GLD-D): กำไรส่วนนี้จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
- กำไรจากการขาย ETF ทองคำที่ซื้อขายในต่างประเทศ (เช่น GLD): หากนำเงินกำไรเข้ามาในประเทศไทยในปีภาษีเดียวกับที่เกิดกำไร จะต้องนำไปรวมคำนวณเป็นเงินได้เพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามอัตราก้าวหน้า
- ปันผล (หากมี): ETF ทองคำส่วนใหญ่ไม่มีปันผล แต่ถ้ามี ปันผลจากต่างประเทศจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายตามกฎหมายของประเทศนั้นๆ และหากนำเข้ามาในไทย จะต้องนำไปรวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเช่นกัน
แนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน
4. แพลตฟอร์ม Dime มี ETF ทองคำ ให้เลือกหลากหลายแค่ไหน และเหมาะกับนักลงทุนมือใหม่หรือไม่?
แพลตฟอร์ม Dime ให้บริการลงทุนใน ETF ทองคำระดับโลกอย่าง SPDR Gold Trust (GLD) ซึ่งเป็น ETF ทองคำที่ใหญ่ที่สุดและมีสภาพคล่องสูงที่สุดในโลก แม้จะไม่ได้มีให้เลือกหลากหลายกองทุน แต่การมี GLD กองเดียวก็ถือว่าครอบคลุมสำหรับการลงทุนในทองคำแล้ว Dime เหมาะสำหรับนักลงทุนมือใหม่เป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากมีค่าธรรมเนียมที่แข่งขันได้ ขั้นตอนการเปิดบัญชีและการซื้อขายที่ง่ายดาย สามารถลงทุนได้ด้วยเงินจำนวนน้อย และมีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย
5. ควรจัดสรรสัดส่วนการลงทุนใน ETF ทองคำ เท่าไหร่ในพอร์ตการลงทุน เพื่อกระจายความเสี่ยงให้เหมาะสม?
สัดส่วนการลงทุนใน ETF ทองคำที่เหมาะสมจะขึ้นอยู่กับเป้าหมายการลงทุน ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และมุมมองต่อภาวะเศรษฐกิจของแต่ละบุคคล โดยทั่วไปแล้ว ผู้เชี่ยวชาญมักแนะนำให้จัดสรรทองคำในพอร์ตประมาณ 5-15% เพื่อประโยชน์ในการกระจายความเสี่ยงและป้องกันความผันผวนของตลาดหุ้นและเงินเฟ้อ สำหรับผู้ที่ต้องการเน้นความปลอดภัยมากขึ้น อาจพิจารณาสัดส่วนที่สูงขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่ควรถือครองมากเกินไปจนเสียโอกาสในการเติบโตจากสินทรัพย์อื่นที่มีศักยภาพ
6. อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท (THB) มีผลกระทบต่อผลตอบแทนของ ETF ทองคำ ที่ซื้อขายในสกุลเงินต่างประเทศอย่างไร?
อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทมีผลกระทบโดยตรงต่อผลตอบแทนของ ETF ทองคำที่ซื้อขายในสกุลเงินต่างประเทศ (เช่น USD) หากเงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินต่างประเทศ (เช่น USD/THB สูงขึ้น) ผลตอบแทนของคุณเมื่อแปลงกลับเป็นเงินบาทจะเพิ่มขึ้น ในทางกลับกัน หากเงินบาทแข็งค่าขึ้น (USD/THB ต่ำลง) ผลตอบแทนของคุณเมื่อแปลงกลับเป็นเงินบาทก็จะลดลง หรืออาจขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนได้ แม้ว่าราคาทองคำในสกุลเงินต่างประเทศจะยังคงที่หรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อยก็ตาม ดังนั้น นักลงทุนควรพิจารณาแนวโน้มค่าเงินบาทควบคู่ไปกับการลงทุนใน ETF ทองคำต่างประเทศ
7. นอกจาก GLD แล้ว มี ETF ทองคำ อื่นๆ ที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนไทยอีกหรือไม่ และหาข้อมูลได้จากที่ไหน?
นอกจาก GLD แล้ว ยังมี ETF ทองคำอื่นๆ อีกหลายกองทุนในตลาดโลก เช่น iShares Gold Trust (IAU) หรือ Aberdeen Standard Physical Gold Shares ETF (SGOL) ซึ่งมีนโยบายและค่าธรรมเนียมที่คล้ายคลึงกับ GLD แต่มีขนาดกองทุนที่เล็กกว่าเล็กน้อย สำหรับนักลงทุนไทย การเข้าถึง ETF เหล่านี้อาจต้องผ่านโบรกเกอร์ต่างประเทศ หรือแพลตฟอร์มที่ให้บริการลงทุนหุ้น/ETF ต่างประเทศโดยตรง คุณสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ของบริษัทจัดการกองทุนนั้นๆ หรือจากแหล่งข้อมูลทางการเงินอย่าง Investing.com หรือ Morningstar
8. หากต้องการลงทุนทองคำ ควรเลือก ETF ทองคำ หรือ กองทุนทองคำ หรือทองคำแท่งดีกว่ากัน?
การเลือกรูปแบบการลงทุนทองคำขึ้นอยู่กับความต้องการและวัตถุประสงค์:
- ทองคำแท่ง: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการครอบครองทองคำจริง ไม่กังวลเรื่องการจัดเก็บและสภาพคล่อง เน้นการถือระยะยาว
- กองทุนทองคำทั่วไป: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการให้ผู้จัดการกองทุนดูแลให้ ไม่ต้องการซื้อขายบ่อยๆ แต่สภาพคล่องอาจต่ำกว่า ETF
- ETF ทองคำ: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในทองคำที่อ้างอิงราคาจริง มีสภาพคล่องสูง ซื้อขายได้สะดวกเหมือนหุ้น ไม่ต้องกังวลเรื่องการจัดเก็บ และมีต้นทุนต่ำ ถือเป็นทางเลือกที่สมดุลสำหรับนักลงทุนส่วนใหญ่
9. มีข้อควรระวังหรือความเสี่ยงพิเศษอะไรบ้าง ที่นักลงทุนไทยควรรู้ก่อนตัดสินใจลงทุนใน ETF ทองคำ?
ข้อควรระวังสำหรับนักลงทุนไทยในการลงทุน ETF ทองคำ ได้แก่:
- ความเสี่ยงด้านราคา: ราคาทองคำมีความผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจและการเมืองโลก
- ความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน: หากลงทุนใน ETF ต่างประเทศ ผลตอบแทนจะได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาท
- ค่าธรรมเนียม: แม้จะต่ำ แต่ก็มีค่าธรรมเนียมการจัดการและค่าคอมมิชชั่นซื้อขาย
- ภาษี: กำไรจากการขาย ETF ต่างประเทศที่นำกลับเข้าไทยต้องเสียภาษี
- Tracking Error: อาจมีความคลาดเคลื่อนเล็กน้อยระหว่างราคา ETF กับราคาทองคำจริง
- สภาพคล่อง: แม้จะสูง แต่ในบางช่วงเวลาที่ตลาดผันผวนรุนแรง สภาพคล่องอาจลดลงได้
10. การลงทุน ETF ทองคำ ผ่านโบรกเกอร์ไทย กับแพลตฟอร์มดิจิทัล เช่น StashAway หรือ Dime แตกต่างกันอย่างไรในแง่ของค่าธรรมเนียมและความสะดวก?
- โบรกเกอร์ไทย (ซื้อ GLD-D หรือ GLD ผ่านบัญชีต่างประเทศ):
- ค่าธรรมเนียม: ค่าคอมมิชชั่นซื้อขายอาจสูงกว่าแพลตฟอร์มดิจิทัลบางราย สำหรับ GLD-D ค่าธรรมเนียมจัดการจะรวมอยู่ในราคาแล้ว
- ความสะดวก: การเปิดบัญชีอาจมีขั้นตอนมากกว่า แต่สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์หลากหลาย (ทั้งไทยและต่างประเทศ)
- แพลตฟอร์มดิจิทัล (เช่น Dime, StashAway):
- ค่าธรรมเนียม: มักมีค่าคอมมิชชั่นซื้อขายที่ต่ำกว่ามาก หรือคิดค่าธรรมเนียมแบบเหมาจ่าย/เป็นเปอร์เซ็นต์ของสินทรัพย์ที่จัดการ (สำหรับ StashAway ที่เป็น Robot-Advisor)
- ความสะดวก: เปิดบัญชีง่ายผ่านแอปพลิเคชัน ซื้อขายสะดวกด้วยเงินบาท ขั้นต่ำในการลงทุนต่ำ เหมาะกับนักลงทุนมือใหม่และผู้ที่ต้องการความเรียบง่าย
การเลือกขึ้นอยู่กับความต้องการด้านความสะดวก ค่าใช้จ่าย และความคุ้นเคยกับการใช้งานแพลตฟอร์ม