## Grid Trading คืออะไร? ทำความเข้าใจพื้นฐานกลยุทธ์ทำกำไรแบบกริด
กลยุทธ์การซื้อขายแบบกริด หรือที่รู้จักกันในชื่อ Grid Trading ถือเป็นวิธีการเทรดอัตโนมัติที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนจำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดเคลื่อนไหวแบบไม่มีทิศทางชัดเจน หรือที่เรียกกันว่าตลาดแบบ Sideways วิธีนี้ช่วยให้ผู้เทรดสามารถคว้าผลกำไรจากความผันผวนของราคาได้โดยไม่ต้องพึ่งพาการคาดการณ์แนวโน้มใหญ่ ในบทความนี้ เราจะมาสำรวจรายละเอียดของ Grid Trading กันอย่างละเอียด ตั้งแต่ความหมายพื้นฐาน หลักการทำงาน ประเภทที่หลากหลาย ข้อดีข้อเสีย และที่สำคัญคือการนำไปใช้ในตลาดไทย พร้อมทั้งคำแนะนำเฉพาะสำหรับนักเทรดชาวไทย เพื่อให้คุณเข้าใจและนำไปปรับใช้ได้อย่างมั่นใจ

Grid Trading ทำงานโดยการสร้างโครงสร้างคล้ายตารางราคา ที่ประกอบด้วยคำสั่งซื้อและขายกระจายอยู่ในช่วงราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า เป้าหมายหลักคือการทำกำไรจากความขึ้นลงของราคาในแต่ละจุด หากราคาของสินทรัพย์เคลื่อนที่ไปมาระหว่างระดับเหล่านี้ ระบบจะทำการซื้อเมื่อราคาลดลงถึงจุดต่ำ และขายเมื่อราคาขึ้นถึงจุดสูง โดยวนลูปนี้ไปเรื่อยๆ เพื่อสะสมผลตอบแทน
หลักการสำคัญอยู่ที่การซื้อในราคาต่ำและขายในราคาสูงซ้ำๆ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องทิศทางโดยรวมของตลาด ทำให้เหมาะกับสถานการณ์ที่ราคาแกว่งตัวไปมาโดยไม่มีแนวโน้มเด่นชัด หรือเคลื่อนไหวเป็นระยะๆ ตามที่สยามบล็อกเชนได้กล่าวถึงในบทความของพวกเขา วิธีนี้ช่วยให้นักเทรดสามารถใช้ประโยชน์จากความผันผวนเล็กน้อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องเฝ้าตลาดตลอดเวลา สยามบล็อกเชน
## Grid Trading ทำงานอย่างไร? กลไกเบื้องหลังการสร้างรายได้
ก่อนที่ระบบจะเริ่มทำงาน นักเทรดต้องกำหนดค่าต่างๆ ที่เป็นหัวใจของกลยุทธ์นี้ เพื่อให้ทุกอย่างลงตัวและสอดคล้องกับสไตล์การลงทุนของตัวเอง โดยค่าหลักๆ ที่ต้องตั้ง ได้แก่:
1. ช่วงราคาที่ต้องการให้ระบบครอบคลุม โดยกำหนดขอบบนและขอบล่างให้ชัดเจน เพื่อให้กริดทำงานในโซนที่คาดว่าราคาจะแกว่งตัว
2. จำนวนระดับกริดที่ต้องการแบ่งย่อยช่วงราคานั้น ยิ่งแบ่งละเอียดมาก ระยะห่างระหว่างจุดก็ยิ่งใกล้ชิดกัน
3. ระยะห่างระหว่างแต่ละกริด ซึ่งอาจตั้งเป็นเปอร์เซ็นต์หรือค่าคงที่ เพื่อให้เหมาะกับความผันผวนของสินทรัพย์
4. ขนาดของคำสั่งแต่ละครั้ง หรือปริมาณสินทรัพย์ที่จะซื้อขายในจุดนั้นๆ
หลังจากตั้งค่าเรียบร้อย ระบบจะเริ่มวางคำสั่งซื้อไว้ที่ระดับต่ำกว่าราคาปัจจุบัน และคำสั่งขายที่ระดับสูงกว่า เมื่อราคาลดลงมาถึงจุดซื้อ ระบบจะเข้าซื้อทันที จากนั้นหากราคาฟื้นตัวขึ้นไปถึงจุดขาย ก็จะขายออกเพื่อล็อกกำไร กระบวนการนี้จะเกิดขึ้นซ้ำๆ ตราบใดที่ราคายังอยู่ในกรอบที่กำหนดไว้ ทำให้การเทรดเป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีระบบ

[ภาพประกอบ: แผนภาพการทำงานของ Grid Trading แสดงเส้นกริดและคำสั่งซื้อขาย]
สิ่งที่ทำให้ Grid Trading น่าสนใจคือความอัตโนมัติที่ช่วยกำจัดปัจจัยทางอารมณ์ออกไป ไม่ว่าจะเป็นความกลัวหรือความโลภที่มักทำให้การตัดสินใจผิดพลาด ผู้เทรดจึงสามารถยึดติดกับแผนที่วางไว้ได้อย่างเคร่งครัด สร้างความมั่นคงให้กับพอร์ตการลงทุนในระยะยาว
## ประเภทของ Grid Trading: เลือกกลยุทธ์ให้เหมาะกับสถานการณ์
Grid Trading ไม่ได้มีรูปแบบเดียว แต่สามารถปรับแต่งให้เข้ากับสภาวะตลาดที่แตกต่างกันได้ โดยแบ่งออกเป็นประเภทหลักๆ ดังนี้ เพื่อให้ผู้เทรดเลือกใช้ตามมุมมองและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
* กริดแบบซื้อเป็นหลัก หรือที่เรียกว่า Buy Grid หรือ Long Grid เน้นวางคำสั่งซื้อที่ราคาต่ำกว่าราคาปัจจุบัน เหมาะสำหรับตลาดที่อาจย่อตัวลงชั่วคราวก่อนจะ反弹 ช่วยให้ผู้เทรดสะสมสินทรัพย์ในราคาถูก หรือใช้หลักการถัวเฉลี่ยต้นทุนในช่วงที่ราคาอ่อนตัว
* กริดแบบขายเป็นหลัก หรือ Sell Grid หรือ Short Grid ตรงกันข้าม โดยเน้นคำสั่งขายที่ราคาสูงกว่า เหมาะกับสถานการณ์ที่ราคาอาจพุ่งขึ้นชั่วคราวก่อนจะปรับฐานลง ช่วยทำกำไรจากการชอร์ตในตลาดที่คาดว่าจะอ่อนแอ
* กริดแบบกลาง หรือ Neutral Grid หรือ Spot Grid ซึ่งเป็นรูปแบบที่ใช้กันแพร่หลายที่สุด โดยวางทั้งคำสั่งซื้อและขายรอบๆ ราคาปัจจุบัน เพื่อคว้ากำไรจากความแกว่งตัวทั้งสองทิศทาง เหมาะกับตลาดที่เคลื่อนไหวแบบ Sideways หรือผันผวนโดยไม่มีแนวโน้มชัด
* กริดในตลาดฟิวเจอร์ส หรือ Futures Grid ที่นำหลักการนี้ไปใช้กับสัญญาฟิวเจอร์ส สามารถใช้เลเวอเรจเพื่อขยายผลกำไร แต่ต้องระวังความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น เช่น การถูกเลิกจ้าง (Liquidation) ดังนั้นการจัดการจุดเสี่ยงจึงเป็นสิ่งสำคัญ

การเลือกประเภทที่เหมาะสม ควรพิจารณาจากการวิเคราะห์ตลาดล่วงหน้าและประสบการณ์ส่วนตัว เพื่อให้กลยุทธ์นี้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยเฉพาะในตลาดที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วอย่างคริปโตหรือฟอเร็กซ์
## ข้อดีและข้อเสียของ Grid Trading: ก่อนตัดสินใจใช้กลยุทธ์นี้
ก่อนนำ Grid Trading ไปใช้จริง ผู้เทรดควรชั่งน้ำหนักทั้งด้านบวกและลบให้ดี เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น กลยุทธ์นี้มีจุดเด่นที่ช่วยให้การเทรดง่ายขึ้น แต่ก็มาพร้อมความท้าทายที่ต้องจัดการอย่างชาญฉลาด
**ข้อดี:**
* ลดบทบาทของอารมณ์ในการตัดสินใจ ด้วยระบบอัตโนมัติที่ทำงานตามกฎที่ตั้งไว้ล่วงหน้า ช่วยป้องกันการตัดสินใจ impulsively จากความกลัวหรือความตื่นเต้น
* สร้างกำไรได้ดีในตลาด Sideways ซึ่งเป็นช่วงที่กลยุทธ์อื่นๆ มักล้มเหลว ทำให้ผู้เทรดไม่พลาดโอกาสในสภาวะตลาดนิ่ง
* ใช้งานสะดวก เมื่อตั้งค่าเสร็จแล้ว ระบบจะรันเองโดยไม่ต้องเฝ้าจอตลอด
* กระจายความเสี่ยง โดยแบ่งทุนออกเป็นส่วนย่อยๆ ลดผลกระทบจากการเทรดครั้งเดียวที่ผิดพลาด
**ข้อเสีย:**
* ไม่เหมาะกับตลาดที่มีแนวโน้มแรง หากราคาพุ่งทะลุกริดออกไป ระบบจะหยุดชะงัก และอาจพลาดกำไรใหญ่หรือขาดทุนหนัก
* ทุนถูกผูกไว้บางส่วน สำหรับคำสั่งที่รอจับคู่ ทำให้เงินไม่หมุนเวียนเต็มที่
* เสี่ยงขาดทุนหากราคาทะลุกริด โดยเฉพาะถ้าไม่ตั้งจุดหยุดขาดทุนให้ดี อาจนำไปสู่การสูญเสียที่สะสม
* ต้องติดตามและปรับแต่งอยู่เสมอ เพราะตลาดเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็ว แม้จะอัตโนมัติแต่ก็ไม่ใช่ระบบที่ perfect
สำหรับนักเทรดไทยที่มักมีแนวโน้ม “อดไม่ได้ที่จะถือต่อ” เมื่อขาดทุน การใช้ Grid โดยขาดการตั้ง Stop Loss ที่เหมาะสม อาจทำให้สถานการณ์แย่ลงเมื่อราคาทะลุแนวสำคัญ ดังนั้นควรให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงตั้งแต่แรก
[ตารางเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของ Grid Trading]
## การตั้งค่าพารามิเตอร์ Grid Trading: แนวทางการวางแผนเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
การตั้งค่าที่ดีคือกุญแจสู่ความสำเร็จของ Grid Trading โดยต้องปรับให้เข้ากับลักษณะของสินทรัพย์และสภาวะตลาด เพื่อให้ระบบทำงานได้อย่างราบรื่นและลดความเสี่ยง
* ช่วงราคา: ควรอิงจากแนวรับแนวต้านในอดีต หรือโซนที่ราคามักแกว่งตัว ถ้ากว้างเกินอาจเทรดน้อย แต่ถ้าแคบเกินเสี่ยงทะลุง่าย
* จำนวนกริด: กำหนดตามความต้องการความละเอียด ยิ่งมากยิ่งเทรดบ่อยแต่กำไรต่อครั้งน้อย และใช้ทุนมากขึ้น
* ระยะห่างกริด: ปรับตาม volatility ของสินทรัพย์ ถ้าผันผวนสูงให้เว้นห่างหน่อยเพื่อป้องกันการกระตุ้นบ่อยเกิน
* ขนาดคำสั่ง: คำนวณจากทุนทั้งหมดและระดับเสี่ยงที่ยอมรับ เพื่อไม่ให้ทุนหมดตัวจากจุดเดียว
ในเรื่องการจัดการทุนและความเสี่ยง หลักสำคัญคือการไม่ทุ่มหมดหน้าตักในกริดเดียว เริ่มจากทุนน้อยและค่อยขยายเมื่อชำนาญ ตามที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) แนะนำในคู่มือการลงทุน การวางแผนเงินทุนที่ดีช่วยให้การเทรดยั่งยืน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)
สำหรับมือใหม่ในไทย แนะนำให้เริ่มแบบ conservative ด้วยทุนเล็กๆ และเฝ้าดูผลลัพธ์ เพื่อเรียนรู้การตอบสนองของระบบในตลาดจริง ก่อนเพิ่มขนาด
[ภาพประกอบ: ตัวอย่างการตั้งค่าพารามิเตอร์ Grid Trading]
## Grid Trading ในตลาดไทย: แพลตฟอร์มและข้อควรพิจารณา
การนำ Grid Trading มาใช้ในไทยต้องคำนึงถึงแพลตฟอร์ม กฎเกณฑ์ และลักษณะตลาดเฉพาะ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและหลีกเลี่ยงปัญหา
**1. ตลาดคริปโตเคอร์เรนซี:**
* Binance TH: แม้เวอร์ชัน全球จะมีเครื่องมือ Grid ในตัวที่ใช้งานง่าย แต่เวอร์ชันไทยที่ได้รับอนุญาตอาจยังจำกัด ควรเช็คฟีเจอร์ล่าสุด หรือใช้ API เชื่อมบอทภายนอก
* Bitkub: แพลตฟอร์มยอดนิยมของไทยยังไม่มี Grid ในตัว แต่สามารถใช้บอทเชื่อม API ได้ โดยเลือกผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถือเพื่อความปลอดภัย
**2. ตลาดฟอเร็กซ์ (Forex):**
* MetaTrader 4/5: แพลตฟอร์มหลักสำหรับ Forex ที่มี EA Grid มากมายให้ติดตั้ง ช่วยให้เทรดอัตโนมัติได้สะดวก
* ข้อควรระวัง: การเทรด Forex กับโบรกเกอร์ต่างชาติในไทยยังเสี่ยงด้านกฎหมายและการคุ้มครอง ตามคำเตือนจาก ก.ล.ต. สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
**3. ตลาดหุ้นไทย (หุ้นไทย – SET):**
* ในทางทฤษฎีใช้ได้ แต่ปฏิบัติจริงมีอุปสรรค เช่น ค่าธรรมเนียมสูงและสภาพคล่องไม่ดีสำหรับหุ้นบางตัวที่ต้องเทรดถี่ โบรกเกอร์ไทยส่วนใหญ่ยังไม่มีฟีเจอร์ในตัว อาจต้องพัฒนาบอทเองหรือใช้โปรแกรมเสริม
**กฎระเบียบและภาษีในประเทศไทย:**
* คริปโต: กำไรต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ควรศึกษาการคำนวณและยื่นให้ถูกต้อง
* EA / Bot: นักเทรดไทยสนใจบอทมาก แต่ต้องเลือกที่เชื่อถือได้ มีรีวิวดี และเริ่มด้วยทุนน้อยเพื่อทดสอบ
[ภาพประกอบ: หน้าจอ Grid Trading บน Binance TH หรือ Bitkub]
[ภาพประกอบ: ตัวอย่าง EA Grid Trading บน MT4/MT5]
## เคล็ดลับและข้อควรระวังสำหรับนักเทรด Grid Trading ในไทย
เพื่อให้ Grid Trading กลายเป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างรายได้อย่างยั่งยืน นักเทรดไทยควรยึดหลักเหล่านี้ในการปฏิบัติ
1. เลือกตลาดที่เหมาะ: ทำงานดีในโซนผันผวนแต่ Sideways หลีกเลี่ยงเทรนด์แรงที่อาจทะลุกริดและขาดทุนหนัก
2. จัดการทุนเข้มงวด: กำหนดขนาดคำสั่งให้สมดุลกับทุนทั้งหมด และมี buffer สำหรับกรณีฉุกเฉิน โดยเฉพาะใน Futures ที่เสี่ยง Liquidation
3. ติดตามปรับปรุง: ตรวจสอบผลงานบ่อยๆ และอัพเดทพารามิเตอร์ตามตลาดที่เปลี่ยนไป
4. เข้าใจความเสี่ยง: มันไม่ใช่ระบบทำเงินอัตโนมัติ ต้องบริหารจุดอ่อนอย่างทะลุกริดให้ดี
5. ควบคุมอารมณ์: เมื่อมี floating loss ให้ยึดแผน หยุดขาดทุนตามที่ตั้งไว้โดยไม่ลังเล
6. เรียนรู้จากเคสไทย: ดูประสบการณ์จาก Pantip หรือกลุ่มโซเชียล เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดทั่วไป เช่น การตั้งกริดไม่เหมาะสมในตลาดคริปโตไทย
[ภาพประกอบ: กราฟแสดงสภาวะตลาดที่เหมาะสมกับ Grid Trading]
## สรุป: Grid Trading คือเครื่องมือทรงพลัง หากใช้เป็น
Grid Trading ยังคงเป็นกลยุทธ์อัตโนมัติที่ทรงพลังสำหรับการทำกำไรในตลาดผันผวนและไร้ทิศทาง ด้วยการวางแผนคำสั่งซื้อขายอย่างเป็นระบบ มันช่วยลดอิทธิพลจากอารมณ์และสร้างรายได้สม่ำเสมอให้ผู้เทรด
แต่ต้องจำไว้ว่าไม่มีกลยุทธ์ไหนไร้จุดอ่อน การศึกษาลึกซึ้ง ตั้งค่าอย่างรอบคอบ จัดการทุนให้ดี และเฝ้าติดตามตลาด จะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดี สำหรับนักเทรดไทย การปรับใช้ให้เข้ากับบริบทท้องถิ่นและกฎหมาย จะทำให้ Grid Trading กลายเป็นส่วนสำคัญในพอร์ตลงทุนของคุณอย่างแท้จริง
## คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Grid Trading (FAQ)
Grid Trading เหมาะกับสินทรัพย์ประเภทใดในตลาดไทย?
Grid Trading เหมาะที่สุดกับสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงและมีการเคลื่อนไหวแบบ Sideways (ไร้ทิศทาง) เช่น คู่เหรียญคริปโตเคอร์เรนซีที่มีสภาพคล่องสูง, คู่สกุลเงิน Forex ที่มีความผันผวนปานกลาง หรือหุ้นไทยบางตัวที่มีการแกว่งตัวในกรอบชัดเจน (แต่ต้องพิจารณาค่าธรรมเนียมและสภาพคล่องอย่างถี่ถ้วน)
มีโบรกเกอร์หรือแพลตฟอร์มใดบ้างในไทยที่รองรับ Grid Trading โดยตรง?
ปัจจุบันแพลตฟอร์ม Exchange ในไทยอย่าง Bitkub ยังไม่มีฟังก์ชัน Grid Trading ในตัว ส่วน Binance TH ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับใบอนุญาตในไทย นักเทรดควรตรวจสอบฟังก์ชันการทำงานล่าสุดโดยตรง หากไม่มี อาจต้องพึ่งพาบอทหรือ EA ภายนอกที่เชื่อมต่อผ่าน API สำหรับ Forex แพลตฟอร์ม MT4/MT5 มี EA Grid Trading ให้เลือกใช้หลากหลาย
การใช้ Grid Trading กับคริปโตเคอร์เรนซีในไทยมีข้อควรระวังพิเศษอะไรบ้าง?
ข้อควรระวังหลักคือเรื่องภาษี กำไรจากการเทรดคริปโตในไทยต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามเกณฑ์ที่กำหนด นอกจากนี้ยังต้องระวังความเสี่ยงจากการที่ราคาเหรียญผันผวนรุนแรงจนทะลุกริด และความเสี่ยงในการใช้บอทภายนอกที่อาจไม่น่าเชื่อถือ
หากตลาดเกิดเทรนด์รุนแรง Grid Trading จะรับมืออย่างไร?
Grid Trading ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อรับมือกับเทรนด์ที่รุนแรง หากราคาทะลุช่วงกริดที่ตั้งไว้ ระบบจะหยุดทำงาน และอาจทำให้เกิดการขาดทุนอย่างรุนแรง หากไม่มีการตั้งค่าจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) หรือแผนการรับมือที่ชัดเจน นักเทรดควรปิด Grid หรือปรับพารามิเตอร์เมื่อพบว่าตลาดเปลี่ยนเป็นเทรนด์ที่ชัดเจน
การคำนวณภาษีกำไรจากการทำ Grid Trading ในไทยทำอย่างไร?
กำไรจากการทำ Grid Trading ในตลาดคริปโตถือเป็นเงินได้พึงประเมิน นักเทรดมีหน้าที่ต้องคำนวณกำไรและยื่นภาษีตามกฎหมาย โดยทั่วไปจะคำนวณจากกำไรที่เกิดขึ้นจริงจากการซื้อขายแต่ละครั้ง หักด้วยต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีเพื่อความถูกต้อง
มีเครื่องมือหรือซอฟต์แวร์ Grid Trading EA ตัวไหนที่นิยมใช้ในหมู่นักเทรดไทยบ้าง?
สำหรับ Forex บน MT4/MT5 มี EA Grid Trading จำนวนมากที่นักเทรดไทยนิยมใช้ ซึ่งบางตัวอาจเป็นแบบเสียเงินหรือฟรี การเลือกใช้ควรพิจารณาจากรีวิว ความน่าเชื่อถือ และผลการทดสอบย้อนหลัง (Backtest) ส่วนในตลาดคริปโต มีบอท Grid Trading ของแพลตฟอร์มต่างๆ (เช่น Binance Global) หรือบอทภายนอกที่เชื่อมต่อ API ได้
มือใหม่ควรเริ่มต้นตั้งค่า Grid Trading อย่างไรให้ปลอดภัยที่สุด?
มือใหม่ควรเริ่มต้นด้วยเงินทุนจำนวนน้อย ตั้งช่วงราคาให้กว้างพอสมควร และใช้จำนวนกริดที่ไม่มากเกินไป เพื่อลดความเสี่ยง ควรเลือกสินทรัพย์ที่มีความผันผวนปานกลาง และศึกษาการทำงานของ Grid ในบัญชีทดลอง (Demo Account) ก่อนลงทุนด้วยเงินจริงเสมอ
Grid Trading แตกต่างจากกลยุทธ์ Martingale หรือ Hedging อย่างไร?
Grid Trading แตกต่างจาก Martingale ตรงที่ Grid Trading ไม่ได้เพิ่มขนาดคำสั่งเป็นสองเท่าเมื่อขาดทุน แต่จะวางคำสั่งตามระดับราคาที่กำหนดไว้ ส่วน Hedging คือการเปิดสถานะตรงข้ามเพื่อป้องกันความเสี่ยง ซึ่ง Grid Trading อาจมีองค์ประกอบของการ Hedging ในบางรูปแบบ (เช่น Neutral Grid) แต่ไม่ใช่การ Hedging โดยตรง
หากต้องการปรับเปลี่ยน Grid ที่กำลังทำงานอยู่ ควรทำอย่างไร?
โดยทั่วไป แพลตฟอร์มหรือบอท Grid Trading จะมีฟังก์ชันให้สามารถแก้ไขพารามิเตอร์ของ Grid ที่กำลังทำงานอยู่ได้ เช่น การปรับช่วงราคา จำนวนกริด หรือขนาดคำสั่ง อย่างไรก็ตาม การปรับเปลี่ยนอาจส่งผลกระทบต่อสถานะปัจจุบันและกำไร/ขาดทุนที่กำลังเกิดขึ้น ควรทำความเข้าใจผลกระทบก่อนทำการปรับเปลี่ยนเสมอ
แหล่งเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Grid Trading ที่เป็นภาษาไทยมีที่ไหนบ้าง?
คุณสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ข่าวสารคริปโตหรือการลงทุนในไทย เช่น Siam Blockchain, Prachachat Turakij ในส่วนของการเงิน หรือช่อง YouTube และกลุ่ม Facebook ที่เน้นสอนการเทรด นอกจากนี้ แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนบางแห่งก็มีบทความแนะนำกลยุทธ์นี้เป็นภาษาไทยด้วย