ตราสารเงิน คืออะไร? 7 สิ่งที่ต้องรู้เพื่อบริหารสภาพคล่องระยะสั้นอย่างมีประสิทธิภาพ

ตลาดหลักทรัพย์ไทย

บทนำ: ทำความรู้จัก “ตราสารเงิน” เครื่องมือบริหารสภาพคล่องระยะสั้น

ในโลกการเงินที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน คำว่าตราสารเงินอาจดูเหมือนเรื่องห่างไกลสำหรับหลายคน แต่จริงๆ แล้ว มันคือส่วนสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนตลาดการเงินระยะสั้นในทุกประเทศ รวมถึงไทยด้วย ตราสารเงินทำหน้าที่เป็นเครื่องมือหลักในการจัดการสภาพคล่อง ไม่ว่าจะสำหรับภาครัฐ ธุรกิจ หรือแม้แต่นักลงทุนรายบุคคลที่อยากใช้เงินทุนระยะสั้นให้เกิดประโยชน์มากที่สุด

ภาพประกอบตลาดการเงินกับตราสารเงินที่จัดการสภาพคล่องระยะสั้นอย่างราบรื่น

บทความนี้จะพาคุณสำรวจความหมาย ลักษณะเด่น ประเภทตราสารเงินที่พบในตลาดไทย ความต่างจากตราสารหนี้และตราสารทุน รวมถึงข้อดี ข้อควรระวัง ช่องทางลงทุน และเคล็ดลับสำหรับนักลงทุนไทย เพื่อให้คุณเข้าใจชัดเจนและนำไปใช้ในการวางแผนการเงินส่วนตัวหรือธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตราสารเงิน คืออะไร? นิยามและลักษณะสำคัญ

คำจำกัดความของตราสารเงิน

ตราสารเงิน หรือ Money Market Instruments คือเครื่องมือทางการเงินที่ออกแบบมาสำหรับระยะสั้น โดยปกติจะมีอายุไม่เกินหนึ่งปี ผู้ออกตราสารเหล่านี้มักเป็นภาครัฐ สถาบันการเงิน หรือเอกชน เพื่อรวบรวมทุนสำหรับกิจกรรมระยะสั้นหรือจัดการสภาพคล่องในตลาดเงิน ตราสารพวกนี้คล้ายตราสารหนี้ แต่เน้นที่ความยืดหยุ่นและการรักษาความคล่องตัวมากกว่า โดยต่างจากตราสารหนี้ทั่วไปที่อาจยาวนานกว่านั้น

ภาพประกอบบุคคลศึกษากราฟการเงินซับซ้อนกับสัญลักษณ์ตราสารเงิน ตราสารหนี้ และตราสารทุน

ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดว่าตราสารเงินเป็นส่วนหนึ่งของตลาดเงิน ซึ่งเป็นสถานที่ซื้อขายสินทรัพย์ที่มีความคล่องตัวสูงและครบกำหนดเร็ว ดูข้อมูลเพิ่มเติมจากธนาคารแห่งประเทศไทย ในทางปฏิบัติ ตลาดนี้ช่วยให้ผู้เข้าร่วมสามารถปรับตัวเข้ากับความต้องการเงินทุนได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วงเศรษฐกิจที่ผันผวน

ลักษณะเด่นของตราสารเงิน

สิ่งที่ทำให้ตราสารเงินได้รับความนิยมในการจัดการเงินทุนระยะสั้นคือคุณสมบัติพิเศษหลายอย่าง ดังนี้

  • อายุสั้น: ส่วนใหญ่ไม่เกินหนึ่งปี บางตัวอาจเหลือแค่ไม่กี่วันหรือเดือน ซึ่งช่วยให้จัดการเงินสดได้ยืดหยุ่น
  • สภาพคล่องสูง: เปลี่ยนเป็นเงินสดได้ง่ายและเร็ว โดยราคาไม่ค่อยแกว่งไกวเพราะมีการซื้อขายต่อเนื่องในตลาดรอง
  • ความเสี่ยงต่ำ: เมื่อเทียบกับสินทรัพย์อื่นๆ มีโอกาสผิดนัดชำระน้อยกว่า เพราะมักมาจากหน่วยงานน่าเชื่อถือ เช่น รัฐบาลหรือธนาคารใหญ่
  • ผลตอบแทนที่คาดการณ์ได้: ถึงจะไม่สูงเท่าตราสารทุนหรือหนี้ระยะยาว แต่ก็มั่นคงและทำนายง่าย ผ่านดอกเบี้ยหรือส่วนลดที่กำหนดไว้
  • เครื่องมือบริหารสภาพคล่อง: เหมาะสำหรับคนที่อยากจอดเงินไว้ชั่วคราว รอลงทุนอื่นหรือรักษาความคล่องตัวของธุรกิจ

คุณสมบัติเหล่านี้ทำให้ตราสารเงินกลายเป็นตัวเลือกแรกสำหรับผู้ที่ต้องการความสมดุลระหว่างความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการใช้เงิน

ประเภทของตราสารเงินที่พบบ่อยในตลาดไทย

ตลาดการเงินไทยมีตราสารเงินหลากหลายที่ทั้งนักลงทุนและธุรกิจเข้าถึงได้ง่าย แต่ละประเภทมีจุดเด่นและจุดประสงค์เฉพาะตัว

ภาพประกอบอาคารรัฐบาล ธนาคาร และสำนักงานบริษัทออกตราสารการเงินระยะสั้นให้ผู้ลงทุน

ตั๋วเงินคลัง (Treasury Bills)

ตั๋วเงินคลังคือตราสารหนี้สั้นที่กระทรวงการคลังไทยออกมา เพื่อหาเงินสำหรับงบประมาณหรือจัดการสภาพคล่องของรัฐ ถือเป็นตัวเลือกที่เสี่ยงน้อยที่สุดเพราะรัฐบาลค้ำประกันโดยตรง อายุมีตั้งแต่ 7 วันจนถึง 364 วัน ขายในราคาต่ำกว่ามูลค่าหน้า (ส่วนลด) และคืนเต็มจำนวนเมื่อครบกำหนด ในช่วงปีที่ผ่านมา ตั๋วเงินคลังช่วยรัฐบาลไทยบริหารทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในยามที่เศรษฐกิจฟื้นตัว

ตั๋วสัญญาใช้เงิน (Promissory Notes)

ตั๋วสัญญาใช้เงินคือเอกสารที่ผู้กู้สัญญาจะจ่ายเงินให้ผู้ให้กู้ตามกำหนด อาจมาจากธนาคาร (เรียกใบรับฝาก) หรือบริษัทเอกชนใหญ่ที่หาทุนสั้นๆ จากประชาชนหรือสถาบัน สำหรับตัวที่ออกโดยเอกชน ความเสี่ยงขึ้นกับความน่าเชื่อถือของผู้ออก แต่โดยรวมแล้วเป็นเครื่องมือที่ช่วยธุรกิจหมุนเงินได้สะดวก

ตั๋วแลกเงิน (Bills of Exchange)

ตั๋วแลกเงินคือคำสั่งจากผู้สั่งจ่ายให้ผู้จ่ายชำระเงินให้ผู้รับหรือผู้ถือ มักใช้ในค้าขายต่างประเทศเพื่อลดความเสี่ยงและอำนวยการชำระเงิน ผู้จ่ายอาจเป็นธนาคารหรือบริษัทน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะตั๋วที่ธนาคารรับรอง (Banker’s Acceptance) ซึ่งมีสภาพคล่องดีและเสี่ยงต่ำ ตัวอย่างเช่น ในอุตสาหกรรมส่งออกไทย ตั๋วนี้ช่วยให้ผู้ส่งสินค้าจัดการเงินได้ราบรื่น

ใบรับฝากเงิน (Certificates of Deposit: CDs)

ใบรับฝากเงินคือตราสารจากธนาคารที่รับเงินฝากจากบุคคลหรือองค์กร โดยให้ดอกเบี้ยตามอัตราและระยะที่ตกลง คล้ายเงินฝากประจำแต่ซื้อขายในตลาดรองได้ ทำให้คล่องตัวกว่า อายุในไทยหลากหลาย แต่สำหรับตราสารเงินคือไม่เกินปี ตัวอย่าง CDs จากธนาคารใหญ่ช่วยนักลงทุนรายย่อยได้รับผลตอบแทนที่มั่นคง

ตั๋วเงินพาณิชย์ (Commercial Paper: CPs)

ตั๋วเงินพาณิชย์คือตราสารหนี้สั้นไม่มีหลักประกัน จากบริษัทใหญ่ที่น่าเชื่อถือ เพื่อหาทุนสำหรับหมุนเวียนหรือชำระหนี้สั้นๆ อายุไม่เกิน 270 วัน ขายแบบส่วนลด ตลาดนี้ช่วยบริษัทเข้าถึงเงินทุนเร็วและถูกกว่ากู้ธนาคาร แต่เสี่ยงเครดิตสูงกว่าตั๋วเงินคลัง โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมที่ต้องการเงินทุนหมุนเวียนสูง

ตราสารเงิน vs. ตราสารหนี้ vs. ตราสารทุน: ความแตกต่างที่นักลงทุนควรรู้

นักลงทุนทุกคนในตลาดไทยควรเข้าใจความต่างระหว่างตราสารเงิน ตราสารหนี้ และตราสารทุน เพื่อจัดพอร์ตลงทุนให้เหมาะสม แต่ละประเภทมีลักษณะ เป้าหมาย และระดับเสี่ยงที่แตกต่าง ดังตารางเปรียบเทียบนี้

คุณสมบัติ ตราสารเงิน (Money Market Instruments) ตราสารหนี้ (Debt Instruments) ตราสารทุน (Equity Instruments)
อายุการไถ่ถอน ระยะสั้น (ไม่เกิน 1 ปี) ระยะกลางถึงยาว (มากกว่า 1 ปีขึ้นไป) ไม่มีวันครบกำหนด
วัตถุประสงค์หลัก บริหารสภาพคล่อง, พักเงินชั่วคราว ระดมเงินทุนระยะยาว, ลงทุนเพื่อผลตอบแทนดอกเบี้ย ระดมทุนถาวร, ลงทุนเพื่อเป็นเจ้าของกิจการและกำไรจากส่วนต่างราคา
สถานะนักลงทุน เจ้าหนี้ระยะสั้น เจ้าหนี้ เจ้าของกิจการ (ผู้ถือหุ้น)
ผลตอบแทน ดอกเบี้ยหรือส่วนลด (ค่อนข้างคงที่, ต่ำ) ดอกเบี้ย (คงที่หรือลอยตัว), กำไรจากส่วนต่างราคา เงินปันผล, กำไรจากส่วนต่างราคา (มีความผันผวนสูง)
ความเสี่ยง ต่ำที่สุด (เน้นสภาพคล่องและความปลอดภัย) ปานกลาง (ขึ้นอยู่กับความน่าเชื่อถือของผู้ออก) สูงที่สุด (ขึ้นอยู่กับผลประกอบการของบริษัทและภาวะตลาด)
ตัวอย่างในไทย ตั๋วเงินคลัง, ตั๋วสัญญาใช้เงิน, ใบรับฝากเงิน พันธบัตรรัฐบาล, หุ้นกู้เอกชน หุ้นสามัญ, หุ้นบุริมสิทธิที่จดทะเบียนใน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)

จากตารางจะเห็นว่าตราสารเงินเด่นเรื่องความคล่องตัวและเสี่ยงต่ำ เหมาะสำหรับจัดการเงินสดสั้นๆ ขณะที่ตราสารหนี้ดีสำหรับผลตอบแทนคงที่ระยะกลางยาว และตราสารทุนเหมาะกับคนรับเสี่ยงสูงเพื่อโอกาสกำไรใหญ่ การผสมผสานทั้งสามช่วยให้พอร์ตลงทุนสมดุลมากขึ้น โดยเฉพาะในตลาดไทยที่เศรษฐกิจเติบโตต่อเนื่อง

ประโยชน์และความเสี่ยงของการลงทุนในตราสารเงิน

การลงทุนตราสารเงินมีทั้งจุดเด่นและจุดที่ต้องระวัง เพื่อช่วยนักลงทุนตัดสินใจให้ตรงกับเป้าหมายและระดับเสี่ยงที่ยอมรับได้

ประโยชน์สำหรับนักลงทุน

  • สภาพคล่องสูง: ซื้อขายได้ง่ายและเร็ว ไม่ลำบากถ้าต้องใช้เงินด่วน
  • ความปลอดภัยสูง: โดยเฉพาะจากรัฐหรือธนาคารใหญ่ โอกาสผิดนัดต่ำมาก
  • ผลตอบแทนสม่ำเสมอ: ไม่สูงมากแต่แน่นอนและคาดเดาได้ ช่วยรักษาค่าของเงินทุน
  • ทางเลือกบริหารเงินสด: ดีกว่าทิ้งเงินไว้เฉยๆ หรือฝากออมทรัพย์ที่ให้ดอกเบี้ยน้อย
  • เหมาะพักเงิน: สำหรับคนที่ยังไม่แน่ใจลงทุนอะไร แต่ไม่อยากให้เงินนิ่งสนิท

ข้อดีเหล่านี้ทำให้ตราสารเงินเป็นเครื่องมือที่ช่วยเสริมความมั่นคงทางการเงิน โดยเฉพาะในยุคที่อัตราดอกเบี้ยผันผวน

ความเสี่ยงที่ควรรู้

ถึงตราสารเงินจะเสี่ยงน้อย แต่ก็มีจุดที่ต้องจับตา เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่คาดคิด

  • ความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย: ถ้าดอกเบี้ยตลาดขึ้น ผลตอบแทนตัวเก่าอาจดูด้อยกว่าใหม่
  • ความเสี่ยงลงทุนซ้ำ: เมื่อครบกำหนด ถ้าดอกเบี้ยตลาดต่ำลง เงินที่นำไปลงใหม่จะได้ผลตอบแทนน้อยกว่าเดิม
  • ความเสี่ยงเงินเฟ้อ: ถ้าเงินเฟ้อสูงกว่าผลตอบแทน มูลค่าจริงของเงินจะลดลง
  • ความเสี่ยงเครดิต (จากเอกชน): ถึงต่ำแต่บริษัทเอกชนอาจมีปัญหาการเงิน ส่งผลให้ไม่ชำระคืนได้

การกระจายลงทุนและติดตามข่าวสารเศรษฐกิจจะช่วยลดความเสี่ยงเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตราสารเงินกับการบริหารสภาพคล่อง: ใครควรลงทุน?

ตราสารเงินคือเครื่องมือสำคัญสำหรับจัดการสภาพคล่องทั้งในระดับบุคคลและองค์กรไทย ใครที่เหมาะสมกับการลงทุนนี้มีดังนี้

  • นักลงทุนรายย่อยพักเงินสั้น: คนที่มีเงินก้อนแต่ยังไม่พร้อมเสี่ยงสูง หรือรอโอกาสลงทุนอื่น ตราสารเงินช่วยให้เงินงอกเงยเล็กน้อยโดยยังคล่องตัว
  • นักศึกษาหรือมือใหม่ทำงาน: ผู้เริ่มเก็บเงินและสร้างวินัย โดยเริ่มจากสินทรัพย์เสี่ยงต่ำที่เข้าใจง่าย
  • บุคคลทั่วไปสำรองฉุกเฉิน: เก็บเงินสำรองในตราสารเงินช่วยป้องกันเงินเฟ้อ และถอนได้เร็วเมื่อจำเป็น
  • บริษัทหรือธุรกิจ: โดยเฉพาะ ผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อม (SMEs) ที่ต้องการหมุนเงินทุนให้มีประสิทธิภาพ เช่น ลงทุนตั๋วเงินคลังหรือใบรับฝากสั้นๆ เพื่อผลตอบแทนดีกว่าบัญชีกระแส
  • ผู้จัดการกองทุนหรือสถาบันการเงิน: ใช้จัดการเงินสดกองทุนหรือรักษาความคล่องตามกฎธนาคารแห่งประเทศไทย

สรุปแล้ว ตราสารเงินเหมาะกับคนที่เน้นความปลอดภัย คล่องตัว และผลตอบแทนสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในตลาดผันผวน การเพิ่มเข้าไปในพอร์ตช่วยลดความเสี่ยงรวมได้ดี

ช่องทางการลงทุนตราสารเงินในประเทศไทย

ในไทย นักลงทุนเข้าถึงตราสารเงินได้หลายทาง ขึ้นกับประเภทและความสะดวก

  • ธนาคารพาณิชย์: ธนาคารอย่างกสิกรไทย (KBank), ไทยพาณิชย์ (SCB), กรุงไทย (Krungthai Bank), ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMB Thai) มีผลิตภัณฑ์เช่นใบรับฝากเงินหรือกองทุนรวมตลาดเงิน เข้าถึงง่ายสำหรับรายย่อย
  • บริษัทหลักทรัพย์: เช่น บล.ภัทร, บล.ฟินันเซีย ไซรัส ช่วยซื้อขายตั๋วเงินคลังหรือตั๋วเงินพาณิชย์ สำหรับสถาบันหรือรายใหญ่
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ประมูลตั๋วเงินคลัง): สถาบันเข้าร่วมประมูลตรงได้ ซึ่งเป็นช่องทางหลักตลาดแรก
  • กองทุนรวมตลาดเงิน: ยอดนิยมสำหรับรายย่อย โดยผู้จัดการมือโปรดูแล ลงทุนในตั๋วเงินคลัง ตั๋วสัญญา และเงินฝาก
  • ตลาดรอง: ซื้อขายตั๋วเงินคลังหรือใบรับฝากใหญ่ผ่านตัวกลาง

ก่อนลงทุน ศึกษาผู้ออกหรือกองทุนให้ดี พิจารณาความเหมาะสมกับเป้าหมาย ตรวจเงื่อนไขและค่าธรรมเนียม การกำกับโดย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ช่วยสร้างความมั่นใจในความโปร่งใส

สรุป: ตราสารเงิน ทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับบริหารเงินระยะสั้น

ตราสารเงินคือเครื่องมือหลักที่ช่วยจัดการสภาพคล่องและทุนสั้นๆ ด้วยอายุสั้น คล่องตัวสูง และเสี่ยงต่ำ จึงเป็นตัวเลือกน่าดึงดูดสำหรับบุคคลและธุรกิจที่อยากรักษามูลค่าเงินและได้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ ในตลาดไทย มันยังเป็นฐานสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจไหลลื่น

การรู้จักประเภทอย่างตั๋วเงินคลัง ตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือใบรับฝาก รวมถึงความต่างจากตราสารหนี้และทุน ช่วยให้วางแผนการเงินได้ฉลาด ไม่ว่ามือใหม่หรือผู้ประกอบการ ตราสารเงินก็เป็นส่วนสำคัญในพอร์ตเสมอ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึงแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัว

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับตราสารเงิน (FAQs)

ตราสารเงินเหมาะกับนักลงทุนประเภทใดในประเทศไทย?

ตราสารเงินเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการสภาพคล่องสูง เน้นความปลอดภัยเงินต้น และผลตอบแทนสม่ำเสมอระยะสั้น เช่น คนที่พักเงินชั่วคราว สร้างเงินสำรองฉุกเฉิน ธุรกิจบริหารทุนหมุนเวียน หรือรายย่อยเริ่มต้นที่อยากลงทุนเสี่ยงต่ำ

การลงทุนในตราสารเงินต้องเสียภาษีอย่างไรในประเทศไทย?

ผลตอบแทนจากตราสารเงิน เช่น ดอกเบี้ยหรือส่วนลด มักหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% สำหรับบุคคลธรรมดา และรวมคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับบริษัท อย่างไรก็ตาม อาจยกเว้นบางตัวจากรัฐ เช่น ตั๋วเงินคลัง หรือนักลงทุนบางกลุ่ม ควรตรวจกฎภาษีเฉพาะหรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ

ฉันสามารถซื้อตราสารเงินได้ที่ไหนบ้างในประเทศไทย?

คุณซื้อตราสารเงินได้หลายช่องทางในไทย:

  • ธนาคารพาณิชย์: สำหรับใบรับฝากเงินหรือกองทุนรวมตลาดเงิน
  • บริษัทหลักทรัพย์: สำหรับตั๋วเงินคลังหรือตั๋วเงินพาณิชย์ (เหมาะรายใหญ่)
  • บริษัทจัดการกองทุน: สำหรับกองทุนรวมตลาดเงิน นิยมสำหรับรายย่อย
  • ตลาดรอง: ผ่านตัวกลางสำหรับตราสารที่ออกแล้ว

ตราสารเงินมีความเสี่ยงต่ำจริงหรือ และมีอะไรบ้างที่ต้องระวัง?

ตราสารเงินเสี่ยงต่ำกว่าสินทรัพย์อื่น โดยเฉพาะจากรัฐหรือธนาคารใหญ่ แต่ยังมีจุดระวัง เช่น:

  • ความเสี่ยงอัตราดอกเบี้ย: ถ้าดอกเบี้ยตลาดขึ้น ผลตอบแทนตัวเก่าอาจไม่น่าสนใจ
  • ความเสี่ยงเงินเฟ้อ: ถ้าเงินเฟ้อสูงกว่าผลตอบแทน มูลค่าจริงลดลง
  • ความเสี่ยงเครดิต: สำหรับเอกชน อาจผิดนัดได้ (แต่ต่ำสำหรับบริษัทใหญ่)

ผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารเงินเทียบกับเงินฝากประจำของธนาคารไทยเป็นอย่างไร?

ผลตอบแทนตราสารเงินมักสูงกว่าเงินฝากออมทรัพย์ และใกล้เคียงหรือสูงกว่าเงินฝากประจำสั้นๆ ของธนาคารไทย ความต่างคือตราสารบางตัว เช่น ใบรับฝากเงิน มีสภาพคล่องดีกว่าเพราะซื้อขายตลาดรองได้ก่อนครบกำหนด

ตราสารเงินต่างจากพันธบัตรรัฐบาลไทยอย่างไร?

ต่างหลักที่ อายุการไถ่ถอน ตราสารเงิน เช่น ตั๋วเงินคลัง ไม่เกิน 1 ปี (หนี้สั้น) ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลไทยส่วนใหญ่เกิน 1 ปี (หนี้กลางยาว) ทั้งคู่จากรัฐเสี่ยงต่ำ แต่พันธบัตรให้ผลตอบแทนสูงกว่าเพื่อชดเชยอายุยาว

ถ้าฉันต้องการสภาพคล่องสูง ตราสารเงินเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดหรือไม่?

ใช่ ตราสารเงินเป็นตัวเลือกดีสำหรับสภาพคล่องสูง เพราะอายุสั้นและเปลี่ยนเงินสดได้ง่ายโดยราคาไม่แกว่งมาก แต่ถ้าต้องการคล่องสุดโดยไร้เสี่ยง บัญชีออมทรัพย์หรือกระแสรายวันยังดีกว่า แม้ผลตอบแทนต่ำ

ฉันควรพิจารณาปัจจัยใดบ้างก่อนตัดสินใจลงทุนในตราสารเงิน?

ก่อนลงทุน พิจารณา:

  • เป้าหมาย: ใช้เงินเมื่อไหร่?
  • ระดับเสี่ยง: แม้ต่ำแต่มีอยู่
  • ผลตอบแทนคาดหวัง: ปานกลาง
  • สภาพคล่อง: ต้องการเงินคืนเร็วแค่ไหน?
  • ความน่าเชื่อถือผู้ออก: โดยเฉพาะเอกชน

發佈留言