REITs คืออะไร? 5 เหตุผลที่นักลงทุนไทยไม่ควรมองข้ามโอกาสลงทุนอสังหาฯ

ตลาดหลักทรัพย์ไทย

REITs คืออะไร? ทำความเข้าใจกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์

คำจำกัดความและแนวคิดพื้นฐานของ REITs

การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เป็นทางเลือกยอดนิยมที่หลายคนใฝ่ฝันมานาน แต่ปัญหาเรื่องทุนทรัพย์ไม่พอ สภาพคล่องจำกัด และความยุ่งยากในการจัดการ ทำให้ไม่ใช่ทุกคนจะเข้าถึงได้ง่ายๆ อย่างไรก็ตาม ตลาดทุนได้พัฒนาเครื่องมืออย่าง REITs หรือกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้ทุกคนมีโอกาสเป็นเจ้าของทรัพย์สินที่สร้างรายได้ โดยไม่ต้องลงมือซื้อเองทั้งหมด คล้ายกับการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ที่สะดวกและรวดเร็ว

ภาพประกอบการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ง่ายดาย พร้อมสัญลักษณ์อาคารและเงิน

บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกทุกมุมมองของ REITs ตั้งแต่ความหมาย วิธีการทำงาน จุดเด่นและข้อควรระวัง ประเภทต่างๆ ในตลาดไทย ไปจนถึงกลยุทธ์ลงทุนที่เหมาะกับเศรษฐกิจบ้านเรา รวมถึงการเปรียบเทียบกับทางเลือกอื่นๆ เพื่อให้คุณเข้าใจชัดเจนและตัดสินใจลงทุนได้อย่างมั่นใจ

ภาพประกอบแง่มุมต่างๆ ของ REITs ที่เชื่อมโยงกัน เช่น ฟันเฟืองและแว่นขยายเหนือแผนที่ไทย พร้อมกราฟเปรียบเทียบ

REITs ย่อมาจาก Real Estate Investment Trusts หรือที่เรารู้จักในชื่อกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เป็นรูปแบบลงทุนแบบรวมหมู่ที่ช่วยให้นักลงทุนทั่วไปเข้าถึงอสังหาริมทรัพย์สร้างรายได้ได้โดยไม่ต้องถือครองเอง หลักการคือบริษัทจัดการกองทรัสต์รวบรวมเงินจากนักลงทุน แล้วนำไปซื้อหรือลงทุนในทรัพย์สินหลากหลาย เช่น สำนักงาน ศูนย์การค้า โกดัง โรงแรม หรือแม้แต่โรงพยาบาล ทรัพย์สินเหล่านี้จะถูกดูแลและปล่อยเช่าเพื่อสร้างรายได้ แล้วคืนกำไรให้ผู้ถือหน่วย

ภาพประกอบนักลงทุนรวมเงินเพื่อทรัพย์สินสร้างรายได้ เช่น สำนักงาน ห้าง โกดัง โรงแรม ที่จัดการโดยกองทรัสต์

จุดที่น่าดึงดูดคือ REITs คล้ายหุ้นมาก หน่วยลงทุนซื้อขายได้ในตลาดหลักทรัพย์ สภาพคล่องดีกว่าการลงทุนอสังหาฯ โดยตรง ผู้ถือหน่วยจะได้เงินปันผลส่วนใหญ่จากค่าเช่าและรายได้อื่นๆ ที่เกิดจากทรัพย์สินในกอง

REITs ทำงานอย่างไร? กลไกการสร้างผลตอบแทน

การทำงานของ REITs เรียบง่ายแต่มีส่วนเกี่ยวข้องหลายฝ่ายที่ทำให้ระบบหมุนเวียนได้ดี:

  1. การระดมทุน: บริษัทจัดการกองทรัสต์เป็นผู้ริเริ่มและรวบรวมเงินจากนักลงทุนรายย่อยหรือสถาบัน ผ่านการเสนอขายหน่วยในตลาดหลักทรัพย์
  2. การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์: เงินที่ได้มาจะนำไปซื้อหรือเช่าทรัพย์สินที่มีโอกาสสร้างรายได้ ไม่ว่าจะเป็นโครงการสำเร็จรูปหรือที่กำลังพัฒนา
  3. การบริหารจัดการและสร้างรายได้: บริษัทจัดการจะดูแลทุกอย่างอย่างมืออาชีพ ตั้งแต่หาผู้เช่า ซ่อมบำรุง ไปจนถึงจัดการสัญญา เพื่อให้เกิดรายได้จากค่าเช่าและอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง
  4. การจ่ายผลตอบแทน: ตามกฎหมาย REITs ต้องจ่ายปันผลอย่างน้อย 90% ของกำไรสุทธิที่ปรับแล้วให้ผู้ถือหน่วย ทำให้เป็นแหล่งเงินสดที่มั่นคงสำหรับคนที่ต้องการรายได้ประจำ
  5. ผู้ดูแลผลประโยชน์: มีผู้ดูแลกองทรัสต์คอยตรวจสอบให้ทุกอย่างโปร่งใสและปกป้องสิทธิ์ของนักลงทุน

ข้อดีของการลงทุนใน REITs: ทำไมถึงน่าสนใจสำหรับนักลงทุนไทย

สำหรับนักลงทุนในไทย REITs คือทางเลือกที่น่าลองจริงๆ เพราะมีจุดเด่นที่แตกหักจากลงทุนอสังหาฯ ตรงๆ หรือสินทรัพย์อื่นๆ ทำให้เหมาะกับสภาพเศรษฐกิจและไลฟ์สไตล์ของเรา

  • ผลตอบแทนสม่ำเสมอ: ได้รับเงินปันผลต่อเนื่องจากค่าเช่า เหมาะกับคนที่อยากมีกระแสเงินสดเข้ากระเป๋าแบบไม่ต้องรอ
  • สภาพคล่องดีเยี่ยม: ซื้อขายได้ในตลาดหลักทรัพย์ รวดเร็ว ไม่ต้องรอขายบ้านหรือคอนโดนานๆ
  • ทุนต่ำ: เริ่มต้นได้ด้วยเงินไม่มาก เมื่อเทียบกับซื้ออสังหาฯ ทีละชิ้น ลดอุปสรรคสำหรับมือใหม่
  • กระจายความเสี่ยง: ช่วยให้พอร์ตลงทุนสมดุล เพราะอสังหาฯ เคลื่อนไหวต่างจากหุ้น และกองมักลงทุนหลายประเภทหลายที่ ลดความเสี่ยงเฉพาะจุด
  • มือโปรจัดการ: ไม่ต้องปวดหัวเรื่องดูแลทรัพย์สินเอง เพราะมีทีม专家คอยจัดการ
  • โปร่งใสและกำกับดูแล: อยู่ใต้การดูแลของ ก.ล.ต. ข้อมูลเปิดเผย ชัดเจน

ประเภทของ REITs: สำรวจกองทรัสต์ในตลาดหลักทรัพย์ไทย

ในตลาดหลักทรัพย์ไทย REITs ครอบคลุมอสังหาฯ หลายรูปแบบ เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจและผู้ใช้ที่หลากหลาย การรู้จักประเภทจะช่วยให้คุณเลือกกองที่ตรงใจและรับความเสี่ยงได้พอดี

ประเภทหลักๆ ที่พบในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) มีดังนี้:

  • REITs ออฟฟิศ: เน้นอาคารสำนักงานให้เช่า รายได้มั่นคงจากสัญญายาวๆ กับบริษัท
  • REITs ค้าปลีก: ลงทุนห้างสรรพสินค้า มอลล์ชุมชน หรือพื้นที่ขายของ ได้รับผลจากกำลังซื้อและเศรษฐกิจ
  • REITs อุตสาหกรรมและคลังสินค้า: ครอบคลุมโรงงาน โกดัง ศูนย์โลจิสติกส์ ได้ประโยชน์จากบูมอีคอมเมิร์ซ
  • REITs โรงแรม: ลงทุนโรงแรมรีสอร์ต ผลตอบแทนขึ้นๆ ลงๆ ตามฤดูท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ
  • REITs โครงสร้างพื้นฐาน: ลงทุนสินทรัพย์พื้นฐานอย่างเครือข่ายโทรคมนาคมหรือโรงไฟฟ้า (บางครั้งรวมกับกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน)
  • REITs ศูนย์ข้อมูล: ประเภท新兴ที่โตเร็ว จากการขยายตัวของเทคโนโลยีดิจิทัล

เปรียบเทียบ REITs กับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (Property Fund)

ก่อน REITs จะมา กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (Property Fund หรือ PFFPO) เป็นตัวหลักในการลงทุนรวมกลุ่มอสังหาฯ แม้เป้าหมายคล้ายกัน แต่โครงสร้างและกฎเกณฑ์ต่างชัดเจน

คุณสมบัติ REITs (กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์) กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (Property Fund)
โครงสร้างทางกฎหมาย เป็น "ทรัสต์" (Trust) มีผู้ก่อตั้งและผู้จัดการกองทรัสต์ เป็น "กองทุนรวม" (Mutual Fund) มีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บริหาร
สถานะความเป็นเจ้าของ กองทรัสต์สามารถ "เป็นเจ้าของ" อสังหาริมทรัพย์ได้โดยตรง กองทุนรวมสามารถ "เช่า" อสังหาริมทรัพย์ระยะยาวได้เท่านั้น ไม่สามารถเป็นเจ้าของได้
ความยืดหยุ่นในการลงทุน ยืดหยุ่นกว่า สามารถลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศ, โครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนา, สิทธิการเช่า, สิทธิการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ จำกัดกว่า ส่วนใหญ่เน้นลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในประเทศและต้องเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างเสร็จแล้ว
การกู้ยืมเงิน มีข้อจำกัดในการกู้ยืมเงินเพื่อลงทุนหรือปรับปรุงอสังหาริมทรัพย์ (ตามเกณฑ์ ก.ล.ต.) มีข้อจำกัดในการกู้ยืมเงินที่เข้มงวดกว่า
ภาษี อาจได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีในบางกรณี เช่น การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล (หากเป็นไปตามเงื่อนไข) ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล
การกำกับดูแล อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงาน ก.ล.ต. ตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงาน ก.ล.ต. ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

ตอนนี้หลายกองทุนรวมอสังหาฯ ได้เปลี่ยนรูปแบบเป็น REITs แล้ว เพราะยืดหยุ่นกว่าในการจัดการและลงทุน ทำให้ได้รับความนิยมทั่วโลก

ความเสี่ยงและข้อควรพิจารณาก่อนลงทุน REITs

ถึง REITs จะดีแค่ไหน แต่ก็มีจุดที่ต้องระวัง นักลงทุนควรชั่งน้ำหนักให้ดีก่อนลงมือ

  • ความเสี่ยงอัตราดอกเบี้ย: REITs อ่อนไหวกับดอกเบี้ย เพราะกองมักกู้เงิน ถ้าดอกเบี้ยขึ้น ต้นทุนเพิ่ม อาจกระทบปันผล และดูน่าสนใจน้อยลงเมื่อเทียบตราสารหนี้ที่ให้ผลดีกว่า
  • ความเสี่ยงเศรษฐกิจ: รายได้หลักจากค่าเช่า ถ้าเศรษฐกิจซบเซา ผู้เช่าอาจลดลงหรือปรับค่าเช่าไม่ได้ ส่งผลต่อกำไร
  • ความเสี่ยงตลาดอสังหาฯ: ราคาหน่วยขึ้นกับมูลค่าทรัพย์ ถ้าตลาดตกหรือ供給ล้น ราคาอาจร่วง
  • ความเสี่ยงสภาพคล่อง: แม้โดยรวมดี แต่บางกองเล็กหรือซื้อขายน้อย อาจขายยาก
  • ความเสี่ยงการจัดการ: ขึ้นกับฝีมือบริษัทจัดการ ถ้าหาผู้เช่าไม่ได้หรือดูแลไม่ดี รายได้อาจหด

ก่อนลงทุน ควรขุดข้อมูลกองนั้นๆ ลึกๆ ดูคุณภาพทรัพย์ ทำเล อัตราเช่า ผู้เช่า และผลงานเก่า เพื่อประเมินโอกาสกับความเสี่ยงให้ชัด

REITs ในบริบทเศรษฐกิจไทย: โอกาสและความท้าทาย

เศรษฐกิจไทยปัจจุบันและแนวโน้มข้างหน้าส่งผลต่อ REITs อย่างมาก การเข้าใจปัจจัยเหล่านี้ช่วยให้วางแผนลงทุนได้ฉลาดขึ้น

ช่วงหลังไทยเจอปัญหาเงินเฟ้อสูงและดอกเบี้ยปรับขึ้น ซึ่งกระทบ REITs โดยตรง แต่ก็มีโอกาสซ่อนอยู่:

  • ผลจากเงินเฟ้อ: ต้นทุนดูแลทรัพย์เพิ่ม เช่น ค่าซ่อมหรือค่าสาธารณูปโภค แต่ REITs ที่ปรับค่าเช่าตามเงินเฟ้อหรือสัญญาเอื้ออำนาจ ก็ช่วยป้องกันความเสี่ยงได้ดี
  • ผลจากดอกเบี้ย: ถ้าธนาคารกลางขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสู้เงินเฟ้อ ต้นทุนกู้ของกองเพิ่ม กระทบกำไรและปันผล แถมนักลงทุนอาจหันไปสินทรัพย์ปลอดภัยกว่า
  • กฎระเบียบ ก.ล.ต.: ก.ล.ต. ดูแลให้โปร่งใสและปกป้องนักลงทุน ควรติดตามการเปลี่ยนแปลงที่อาจกระทบการดำเนินงาน

กลยุทธ์การลงทุน REITs เพื่อรับมือกับภาวะเงินเฟ้อ

ในยุคเงินเฟ้อรุนแรง ลองกลยุทธ์เหล่านี้เพื่อให้พอร์ตแข็งแกร่ง:

  • เลือกกองที่ปรับค่าเช่าได้: หากองที่มีสัญญาเชื่อมเงินเฟ้อหรือปรับค่าเช่าประจำ เพื่อให้รายได้โตตาม
  • เน้นประเภทพื้นฐาน: ลงทุนกองโกดังหรือศูนย์ข้อมูล ที่ไม่ผันผวนมาก จากบูมอีคอมเมิร์ซและดิจิทัล
  • คุณภาพทรัพย์และผู้เช่า: เลือกทรัพย์ดี ทำเลเด่น ผู้เช่าแกร่ง เพื่อลดโอกาสว่างหรือผิดนัด
  • กระจายพอร์ต: อย่าลงกองเดียวหรือประเภทเดียว กระจายหลายกองหลายแบบ ลดความเสี่ยง

การพิจารณา REITs ต่างประเทศ: ประโยชน์และความเสี่ยงเพิ่มเติม

ถ้าอยากกระจายไปต่างแดน REITs ต่างประเทศก็น่าสนใจ โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่ตลาดใหญ่ที่สุด (อ้างอิงจาก Nareit) มีความหลากหลายสูง

ประโยชน์:

  • กระจายเสี่ยงโลก: ลดการพึ่งพาตลาดไทย เปิดโอกาสตลาดโตหรือเฉพาะทาง
  • หลากหลาย: มีประเภทใหม่ๆ อย่างโครงสร้างดิจิทัล โรงเรียน หรือโรงพยาบาลเฉพาะ
  • ตลาดใหญ่: สภาพคล่องสูง ข้อมูลเพียบ

ความเสี่ยง:

  • อัตราแลกเปลี่ยน: เงินบาทแข็งหรืออ่อนกระทบผลตอบแทน
  • กฎและภาษี: แต่ละประเทศต่างกัน ต้องศึกษาลึก
  • การเมืองเศรษฐกิจ: เหตุการณ์ต่างประเทศกระทบตรง
  • ข้อมูลเข้าถึง: วิเคราะห์ยากกว่าในประเทศ

คนไทยลงทุนต่างประเทศได้ผ่านกองทุนรวม REITs หรือโบรกเกอร์ที่รับซื้อขายต่างแดน

เริ่มต้นลงทุน REITs: ขั้นตอนและช่องทางสำหรับนักลงทุนไทย

เริ่มลงทุน REITs สำหรับคนไทยไม่ยาก คล้ายซื้อหุ้นทั่วไป แต่ต้องเตรียมตัวดี

  1. ศึกษาข้อมูล: อ่าน prospectus และรายละเอียดกองให้ละเอียด ดูทรัพย์ ผลงาน นโยบายปันผล ความเสี่ยง หาได้จากเว็บ SET (อ้างอิงจาก SET)
  2. เปิดบัญชี: ทำบัญชีกับโบรกเกอร์ที่ ก.ล.ต. รับรอง เช่น บล.บัวหลวง กสิกรไทย ทิสโก้
  3. วิเคราะห์เลือก: ใช้ข้อมูลตัดสินใจ เลือกกองตรงเป้าหมายและความเสี่ยง ดูปันผล คุณภาพ หนี้ ศักยภาพ
  4. ซื้อขาย: ส่งคำสั่งผ่านออนไลน์ แอป หรือที่ปรึกษาโบรกเกอร์
  5. ติดตาม: เช็คผลงานกองและตลาดบ่อยๆ ปรับพอร์ตถ้าจำเป็น

ทุนเริ่มต้นไม่สูง ขึ้นกับราคาหน่วยกองนั้นๆ มักหลักร้อยถึงพันบาทต่อหน่วย

ปัจจัยสำคัญในการเลือก REITs ที่ดี

เลือก REITs ดีๆ ต้องดูหลายมุม เพื่อให้ได้ผลตอบแทนยั่งยืน

  • อัตราเงินปันผล: ตัวชี้สำคัญ เปรียบกับตลาดและดอกเบี้ย แต่ดูความยั่งยืนด้วย ไม่ใช่แค่สูงอย่างเดียว
  • คุณภาพทรัพย์และทำเล: ดูประเภทและที่ตั้ง ว่าศักยภาพดี มี需求สูง แข่งขันพอดี
  • ผู้เช่าและอัตราเช่า: อัตราเช่าสูง ผู้เช่าแข็งแกร่ง แสดงรายได้มั่นคง
  • หนี้สิน: เช็ค D/A Ratio ให้เหมาะสม หนี้เยอะเสี่ยงถ้าดอกเบี้ยขึ้น
  • NAV: เปรียบราคาตลาดกับ NAV ถ้าต่ำกว่าอาจคุ้ม แต่ดูปัจจัยอื่น
  • ผู้จัดการ: ดูประวัติทีมบริหาร ว่ามีประสบการณ์สร้างผลดี
  • ศักยภาพโต: ดูแผนซื้อทรัพย์ใหม่ เพื่อขยายรายได้
ปัจจัย สิ่งที่ต้องพิจารณา
อัตราเงินปันผล สูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาดหรือไม่? มีความสม่ำเสมอและยั่งยืนแค่ไหน?
คุณภาพทรัพย์สิน ตั้งอยู่ในทำเลดี? มีศักยภาพในการสร้างรายได้สูง?
อัตราการเข้าใช้พื้นที่ สูงและคงที่หรือไม่? ผู้เช่าหลักเป็นใคร?
ภาระหนี้สิน D/A Ratio อยู่ในระดับปลอดภัย? มีความสามารถในการชำระหนี้?
การบริหารจัดการ ทีมผู้บริหารมีประสบการณ์และมีผลงานดี?
โอกาสเติบโต มีแผนขยายการลงทุนในอนาคตหรือไม่?

สรุป: REITs ทางเลือกการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ที่ควรพิจารณา

REITs หรือกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้นักลงทุนไทยกระจายพอร์ตได้ดี ด้วยปันผลสม่ำเสมอจากอสังหาฯ สภาพคล่องสูง และทุนไม่มาก

แต่ต้องตระหนักถึงความเสี่ยงอย่างดอกเบี้ย เศรษฐกิจ หรือตลาดอสังหาฯ การศึกษาลึก ประเภทกอง และปัจจัยเลือก จะช่วยตัดสินใจได้ตรงเป้า ตรงกับความเสี่ยงที่รับไหว

ถ้าคุณอยากลงทุนอสังหาฯ แต่ทุนน้อยหรืออยากกระจายเสี่ยงจากสินทรัพย์อื่น REITs คือตัวเลือกที่คุ้มค่าในยุคตลาดผันผวนแบบนี้

REITs คืออะไร และแตกต่างจากหุ้นหรือกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์อย่างไร?

REITs (Real Estate Investment Trusts) คือ กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ที่ระดมทุนจากนักลงทุนไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างรายได้ แล้วนำกำไรมาจ่ายปันผลให้ผู้ถือหน่วยลงทุน

ความแตกต่าง:

  • หุ้น: เป็นการลงทุนในกิจการของบริษัททั่วไปที่อาจไม่ได้เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์โดยตรง
  • กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์: มีโครงสร้างทางกฎหมายเป็นกองทุนรวม และส่วนใหญ่ไม่สามารถเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ได้โดยตรง แต่จะเช่าสิทธิระยะยาว

REITs มีความยืดหยุ่นในการลงทุนและสามารถเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ได้โดยตรง ทำให้มีความคล้ายคลึงกับหุ้นที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ แต่มีสินทรัพย์อ้างอิงเป็นอสังหาริมทรัพย์

นักลงทุนไทยจะเริ่มต้นลงทุน REITs ได้อย่างไร และต้องใช้เงินเท่าไหร่?

นักลงทุนไทยสามารถเริ่มต้นลงทุน REITs ได้โดย:

  1. เปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์กับบริษัทหลักทรัพย์
  2. ศึกษาข้อมูลและเลือกกอง REITs ที่สนใจจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)
  3. ส่งคำสั่งซื้อหน่วยลงทุนผ่านช่องทางของบริษัทหลักทรัพย์

เงินลงทุนเริ่มต้นขึ้นอยู่กับราคาหน่วยลงทุนของแต่ละกอง REITs โดยทั่วไปสามารถเริ่มต้นได้ด้วยเงินจำนวนไม่มากนัก เช่น หลักร้อยหรือหลักพันบาทต่อหน่วยลงทุน

REITs ที่น่าสนใจในตลาดหลักทรัพย์ SET ปี 2567/2568 มีตัวไหนบ้าง?

การระบุกอง REITs ที่ “น่าสนใจ” จะต้องพิจารณาตามสภาวะตลาดและเป้าหมายของนักลงทุนแต่ละราย อย่างไรก็ตาม กอง REITs ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) มีหลากหลายประเภท เช่น ออฟฟิศ ค้าปลีก อุตสาหกรรม หรือโรงแรม

นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลล่าสุดจาก เว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) หรือบทวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ เพื่อประกอบการตัดสินใจ เนื่องจากสถานการณ์ตลาดมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ

ลงทุน REITs มีความเสี่ยงอะไรบ้างที่นักลงทุนไทยควรรู้และจัดการอย่างไร?

ความเสี่ยงหลักๆ ได้แก่:

  • ความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย: อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นอาจเพิ่มต้นทุนการกู้ยืมและลดความน่าสนใจของ REITs
  • ความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจ: เศรษฐกิจชะลอตัวอาจลดอัตราการเข้าใช้พื้นที่และรายได้ค่าเช่า
  • ความเสี่ยงจากตลาดอสังหาริมทรัพย์: ภาวะซบเซาของตลาดอสังหาริมทรัพย์อาจส่งผลต่อมูลค่าทรัพย์สิน
  • ความเสี่ยงจากการบริหารจัดการ: ประสิทธิภาพของบริษัทจัดการกองทรัสต์มีผลต่อผลตอบแทน

การจัดการความเสี่ยง:

  • กระจายการลงทุนใน REITs หลายประเภทและหลายกอง
  • ศึกษาข้อมูลกองทรัสต์อย่างละเอียดก่อนลงทุน
  • ติดตามข่าวสารเศรษฐกิจและภาวะตลาดอย่างสม่ำเสมอ

REITs ให้ผลตอบแทนเป็นอย่างไร และต้องเสียภาษีเงินปันผลในประเทศไทยหรือไม่?

REITs ให้ผลตอบแทนหลักในรูปของ เงินปันผล ซึ่งส่วนใหญ่มาจากรายได้ค่าเช่าของอสังหาริมทรัพย์ที่กองทรัสต์ถือครอง นอกจากนี้ นักลงทุนอาจได้รับผลตอบแทนจาก ส่วนต่างราคา หากราคาหน่วยลงทุนปรับตัวสูงขึ้น

สำหรับภาษีเงินปันผลในประเทศไทย ผู้ถือหน่วยลงทุน REITs ที่เป็นบุคคลธรรมดาจะต้องเสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย 10% ของเงินปันผลที่ได้รับ ซึ่งสามารถเลือกนำไปรวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปลายปี หรือไม่นำไปรวมก็ได้

จะหาข้อมูลเชิงลึกและบทวิเคราะห์เกี่ยวกับ REITs ไทยได้จากช่องทางใดบ้าง?

นักลงทุนสามารถหาข้อมูลเชิงลึกและบทวิเคราะห์เกี่ยวกับ REITs ไทยได้จาก:

  • เว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET): มีข้อมูลของทุกกอง REITs ที่จดทะเบียน รวมถึงข่าวสารและงบการเงิน
  • เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.): มีข้อมูลเกี่ยวกับกฎระเบียบและหนังสือชี้ชวน (อ้างอิงจาก SEC Thailand)
  • บริษัทหลักทรัพย์ (บล.): บทวิเคราะห์จากนักวิเคราะห์ของ บล. ต่างๆ
  • สื่อการเงินและเศรษฐกิจ: ข่าวสาร บทความ และบทสัมภาษณ์ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนใน REITs
  • เว็บไซต์ของบริษัทจัดการกองทรัสต์โดยตรง: มีข้อมูลรายละเอียดของแต่ละกองทรัสต์

REITs เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการอะไร และไม่เหมาะกับใคร?

REITs เหมาะกับนักลงทุนที่:

  • ต้องการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์แต่มีเงินทุนจำกัด
  • ต้องการกระแสเงินสดและผลตอบแทนในรูปเงินปันผลที่สม่ำเสมอ
  • ต้องการกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน
  • ต้องการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์โดยไม่ต้องรับภาระการบริหารจัดการเอง

REITs ไม่เหมาะกับนักลงทุนที่:

  • ไม่สามารถรับความผันผวนของราคาหน่วยลงทุนได้
  • ต้องการผลตอบแทนที่สูงมากในระยะเวลาอันสั้น
  • ไม่ศึกษาข้อมูลและไม่เข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง

ภาวะเศรษฐกิจไทยและอัตราดอกเบี้ยส่งผลต่อราคาและผลตอบแทนของ REITs อย่างไร?

ภาวะเศรษฐกิจไทย: หากเศรษฐกิจเติบโตดี ความต้องการพื้นที่เช่าก็จะสูงขึ้น อัตราการเข้าใช้พื้นที่และค่าเช่าก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่อราคาและผลตอบแทนของ REITs ในทางกลับกัน หากเศรษฐกิจชะลอตัว ผลกระทบก็จะกลับกัน

อัตราดอกเบี้ย:

  • อัตราดอกเบี้ยขึ้น: ต้นทุนการกู้ยืมของกองทรัสต์จะสูงขึ้น อาจกระทบต่อกำไรและเงินปันผล นอกจากนี้ REITs อาจดูน่าสนใจน้อยลงเมื่อเทียบกับสินทรัพย์อื่นที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น
  • อัตราดอกเบี้ยลง: ต้นทุนการกู้ยืมของกองทรัสต์จะลดลง และอาจทำให้ REITs มีความน่าสนใจมากขึ้นเมื่อเทียบกับสินทรัพย์อื่น

หากต้องการลงทุน REITs ต่างประเทศ นักลงทุนไทยควรพิจารณาอะไรเป็นพิเศษ?

หากต้องการลงทุน REITs ต่างประเทศ นักลงทุนไทยควรพิจารณาดังนี้:

  • ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน: ผลตอบแทนจะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของค่าเงิน
  • ความเสี่ยงด้านกฎหมายและภาษี: กฎระเบียบและโครงสร้างภาษีของแต่ละประเทศแตกต่างกัน
  • ความเสี่ยงทางการเมืองและเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆ: เหตุการณ์ในต่างประเทศอาจส่งผลกระทบโดยตรง
  • ช่องทางการลงทุน: สามารถลงทุนผ่านกองทุนรวมที่ลงทุนใน REITs ต่างประเทศ หรือผ่านบริษัทหลักทรัพย์ที่ให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์ต่างประเทศ

REITs มีบทบาทในการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนไทยอย่างไร?

REITs มีบทบาทสำคัญในการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนเนื่องจาก:

  • ความสัมพันธ์กับตลาดหุ้นต่ำ: การเคลื่อนไหวของราคา REITs มักจะไม่สัมพันธ์กับการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นโดยตรง ทำให้ช่วยลดความผันผวนโดยรวมของพอร์ต
  • สินทรัพย์อ้างอิงที่แตกต่าง: REITs เป็นการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีลักษณะเฉพาะตัว แตกต่างจากหุ้น พันธบัตร หรือสินทรัพย์อื่นๆ
  • แหล่งรายได้ที่แตกต่าง: เงินปันผลจาก REITs มาจากค่าเช่า ซึ่งมีเสถียรภาพกว่ากำไรของบริษัททั่วไปที่อาจผันผวนตามวัฏจักรธุรกิจ

การเพิ่ม REITs เข้าไปในพอร์ตการลงทุนที่ประกอบด้วยหุ้นและพันธบัตร จะช่วยให้พอร์ตมีความสมดุลและลดความเสี่ยงลงได้

發佈留言