ค่าเงินที่แพงที่สุดในโลก: เปิด 10 อันดับสกุลเงินแข็งแกร่งที่สุดปี 2024/2025 พร้อมผลกระทบต่อคนไทย

ตลาดหลักทรัพย์ไทย

บทนำ: ทำความเข้าใจ “ค่าเงินที่แพงที่สุดในโลก” คืออะไร?

ในวงการการเงินและการลงทุน คำว่า “ค่าเงินที่แพงที่สุด” หรือ “ค่าเงินที่แข็งแกร่งที่สุด” มักถูกพูดถึงบ่อยๆ ทั้งสองคำนี้มีความเชื่อมโยงกัน แต่ก็มีความหมายที่แตกต่างกันเล็กน้อย ค่าเงินที่แพงที่สุดในโลก โดยปกติหมายถึงสกุลเงินที่มีอัตราแลกเปลี่ยนสูงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ เช่น ดอลลาร์สหรัฐหรือยูโร ซึ่งแสดงให้เห็นถึงอำนาจซื้อที่เหนือกว่า ในขณะที่ค่าเงินที่แข็งแกร่งที่สุดมักอ้างถึงสกุลเงินที่มีความมั่นคง ผันผวนน้อย และได้รับการยอมรับว่าเป็นทางเลือกปลอดภัย ความสำเร็จเหล่านี้มาจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ การเมือง และการเงินที่แข็งแกร่งของประเทศนั้นๆ การรู้จักปัจจัยที่ผลักดันมูลค่าสกุลเงินเหล่านี้ จะช่วยให้เราเห็นภาพใหญ่ของเศรษฐกิจโลก และเข้าใจผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับการใช้ชีวิตประจำวันหรือการตัดสินใจด้านการเงินของเราได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

illustration concept of global currencies exchange rates a strong hand holding a stack of diverse banknotes representing high value

จัดอันดับ: 10 อันดับค่าเงินที่แพงที่สุดในโลก (อัปเดต 2024/2025)

การจัดอันดับค่าเงินที่แพงที่สุดในโลกมักอ้างอิงจากอัตราแลกเปลี่ยนเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นสกุลเงินสำรองหลักของโลก ตามข้อมูลล่าสุดและการประมาณการในช่วงต้นปี 2024 สกุลเงินจากประเทศผู้ผลิตน้ำมันในตะวันออกกลางยังคงครองตำแหน่งนำ โดยมาจากความมั่งคั่งทางทรัพยากรธรรมชาติ บทความนี้จะพาคุณไปดู 10 อันดับต้นๆ พร้อมอัตราแลกเปลี่ยนโดยประมาณทั้งเทียบกับดอลลาร์สหรัฐและบาทไทย เพื่อให้คนไทยติดตามได้สะดวก

illustration a world map with ten flags representing top expensive currencies oil derricks and financial graphs in the background
อันดับ สกุลเงิน รหัส ประเทศ ประมาณการ 1 หน่วย เทียบ USD ประมาณการ 1 หน่วย เทียบ THB
1 Dinar คูเวต KWD คูเวต ~3.25 USD ~118.00 THB
2 Dinar บาห์เรน BHD บาห์เรน ~2.65 USD ~96.00 THB
3 Rial โอมาน OMR โอมาน ~2.60 USD ~94.00 THB
4 Dinar จอร์แดน JOD จอร์แดน ~1.41 USD ~51.00 THB
5 Pound สเตอร์ลิง GBP สหราชอาณาจักร ~1.27 USD ~46.00 THB
6 Dollar หมู่เกาะเคย์แมน KYD หมู่เกาะเคย์แมน ~1.20 USD ~43.50 THB
7 Euro EUR สหภาพยุโรป ~1.08 USD ~39.00 THB
8 Franc สวิส CHF สวิตเซอร์แลนด์ ~1.12 USD ~40.50 THB
9 Dollar สหรัฐ USD สหรัฐอเมริกา 1.00 USD ~36.30 THB
10 Dollar แคนาดา CAD แคนาดา ~0.74 USD ~26.80 THB

*หมายเหตุ: อัตราแลกเปลี่ยนเป็นค่าประมาณการและมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ โปรดตรวจสอบอัตราจริง ณ ปัจจุบัน*

เจาะลึกแต่ละสกุลเงิน: เหตุผลเบื้องหลังความแข็งแกร่ง

ลองมาดูกันว่าปัจจัยอะไรที่ทำให้สกุลเงินเหล่านี้มีมูลค่าสูงขนาดนี้ โดยเราจะวิเคราะห์ทีละตัวเพื่อให้เห็นภาพชัดเจน

illustration diverse symbols representing currency strength oil barrels financial buildings swiss mountains a british pound sign
  • KWD – Dinar คูเวต: สกุลเงินนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นค่าเงินที่แพงที่สุดในโลก หลักๆ แล้วมาจากปริมาณน้ำมันสำรองที่มหาศาลของคูเวต ซึ่งเป็นฐานรากของเศรษฐกิจที่ร่ำรวย รัฐบาลที่นั่นยังมีนโยบายการเงินที่เข้มงวดและการจัดการงบประมาณที่มีวินัย ทำให้ดีนาร์คูเวตคงเสถียรภาพและมูลค่าสูงมาโดยตลอด
  • BHD – Dinar บาห์เรน: คล้ายกับคูเวต บาห์เรนเป็นชาติในอ่าวเปอร์เซียที่ร่ำรวยจากน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ เศรษฐกิจที่พึ่งพาทรัพยากรเหล่านี้ บวกกับการผูกติดกับดอลลาร์สหรัฐ ช่วยให้ดีนาร์บาห์เรนมีมูลค่าสูง
  • OMR – Rial โอมาน: โอมานเป็นผู้ส่งออกน้ำมันและก๊าซรายใหญ่เช่นกัน ธนาคารกลางของโอมานเน้นนโยบายที่ควบคุมเงินเฟ้อและรักษาสมดุลงบประมาณ ทำให้เรียลโอมานติดอันดับสกุลเงินที่มีมูลค่าสูง
  • JOD – Dinar จอร์แดน: แม้จอร์แดนไม่ใช่ผู้ผลิตน้ำมันหลัก แต่ดีนาร์ของที่นี่มีมูลค่าสูงเพราะผูกติดกับดอลลาร์สหรัฐ และความเชื่อมั่นในเสถียรภาพเศรษฐกิจ-การเมือง แม้ภูมิภาคจะมีความท้าทาย
  • GBP – Pound สเตอร์ลิง: ปอนด์สเตอร์ลิงเป็นสกุลเงินเก่าแก่และมีอิทธิพลมาก สหราชอาณาจักรเป็นศูนย์กลางการเงินโลก โดยเฉพาะลอนดอนที่เป็นหัวใจของตลาดการเงิน เศรษฐกิจพัฒนาและภาคบริการที่แข็งแกร่งช่วยหนุนให้ปอนด์มีมูลค่าสูง
  • KYD – Dollar หมู่เกาะเคย์แมน: หมู่เกาะเคย์แมนเป็นศูนย์กลางการเงินนอกชายฝั่งสำคัญ ดอลลาร์ที่นี่มีมูลค่าสูงเพราะผูกติดกับดอลลาร์สหรัฐในอัตราคงที่ 1 KYD = 1.20 USD ซึ่งเป็นกลยุทธ์ดึงดูดนักลงทุนและรักษาเสถียรภาพ
  • EUR – Euro: ยูโรเป็นสกุลเงินของ 20 ชาติในสหภาพยุโรป ซึ่งรวมเป็นเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ ความแข็งแกร่งมาจากขนาดเศรษฐกิจยูโรโซน การค้าที่มหาศาล และนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB)
  • CHF – Franc สวิส: ฟรังก์สวิสถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยชั้นนำ มาจากความเป็นกลางทางการเมือง ระบบธนาคารที่น่าเชื่อถือ และนโยบายรอบคอบของธนาคารแห่งชาติสวิส ทำให้เป็นที่ต้องการในช่วงเศรษฐกิจโลกไม่แน่นอน
  • USD – Dollar สหรัฐ: ดอลลาร์สหรัฐเป็นสกุลเงินสำรองโลก ใช้กันกว้างขวางในการค้าและลงทุน ขนาดเศรษฐกิจใหญ่สุด ตลาดทุนลึกซึ้ง ความเชื่อมั่นในกฎหมายและการเมือง ช่วยให้ดอลลาร์ยังแข็งแกร่ง
  • CAD – Dollar แคนาดา: ดอลลาร์แคนาดาขึ้นกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะน้ำมัน เพราะแคนาดาเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ เศรษฐกิจมั่นคงและการบริหารดีช่วยหนุนความแข็งแกร่ง

ปัจจัยสำคัญที่กำหนด “ความแข็งแกร่ง” ของค่าเงิน

มูลค่าสกุลเงินไม่ได้เกิดจากปัจจัยเดียว แต่เป็นผลจากองค์ประกอบหลายอย่างที่เชื่อมโยงกันอย่างซับซ้อน เช่น

  • เศรษฐกิจที่มั่นคงและการเติบโต: ชาติที่มี GDP เติบโตสูง อัตราว่างงานต่ำ และเศรษฐกิจโดยรวมมั่นคง มักดึงดูดเงินทุนจากต่างชาติ ทำให้สกุลเงินแข็งค่า
  • นโยบายการเงิน: ธนาคารกลาง ควบคุมนโยบายดอกเบี้ย เงินเฟ้อ และปริมาณเงิน หากใช้นโยบายเข้มงวด เช่น ขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ สกุลเงินมักแข็งค่าขึ้น
  • เสถียรภาพทางการเมืองและสังคม: ความมั่นคงทางการเมือง ธรรมาภิบาล และสังคมสงบ สร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ลงทุน เงินทุนไหลเข้าช่วยหนุนค่าเงิน
  • ดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัด: หากส่งออกมากกว่านำเข้า (เกินดุล) ความต้องการสกุลเงินจะสูงขึ้นในตลาดโลก ทำให้ค่าเงินแข็ง แต่ถ้าขาดดุล ค่าเงินอาจอ่อน
  • หนี้สาธารณะและนโยบายการคลัง: หนี้สูงหรือนโยบายคลังขาดวินัย อาจลดความน่าเชื่อถือ ส่งผลให้ค่าเงินอ่อนลง
  • แหล่งทรัพยากรธรรมชาติ: อย่างดีนาร์คูเวตหรือเรียลโอมาน ประเทศที่มีน้ำมันและก๊าซอุดมสมบูรณ์ มีรายได้ส่งออกมหาศาล ช่วยยกระดับมูลค่าสกุลเงิน

ปัจจัยเหล่านี้ทำงานร่วมกัน โดยบางครั้งการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในหนึ่งด้านก็อาจส่งผลกระทบกว้างขวางได้

มุมมองที่แตกต่าง: ค่าเงินที่แพงที่สุดในเอเชียและอาเซียน

หากหันมามองภูมิภาคเอเชียและอาเซียน แม้ไม่มีสกุลเงินไหนเทียบชั้นดีนาร์คูเวต แต่ก็มีหลายตัวที่สะท้อนความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจที่น่าจับตามอง

  • Dollar สิงคโปร์ (SGD): ถือเป็นค่าเงินที่แพงที่สุดในเอเชียและแข็งแกร่งสุดในอาเซียน สิงคโปร์เป็นศูนย์กลางการเงินและค้าขายระดับโลก เศรษฐกิจเติบโตต่อเนื่อง เสถียรภาพทางการเมืองดี และการจัดการเศรษฐกิจมหภาคยอดเยี่ยม ทำให้ดอลลาร์สิงคโปร์น่าเชื่อถือและมีมูลค่าสูง
  • Yen ญี่ปุ่น (JPY): แม้ช่วงหลังเยนญี่ปุ่นจะเผชิญความท้าทายและอ่อนค่าจากนโยบายผ่อนคลาย แต่ในอดีตมันเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยของเอเชีย ด้วยเศรษฐกิจขนาดใหญ่ นวัตกรรมชั้นนำ และบทบาทผู้ให้กู้โลก
  • Dollar ฮ่องกง (HKD): ผูกติดกับดอลลาร์สหรัฐแบบคงที่ ทำให้ดอลลาร์ฮ่องกงมั่นคงและได้รับความเชื่อมั่นในฐานะศูนย์กลางการเงินโลก
  • Ringgit มาเลเซีย (MYR) และ Rupiah อินโดนีเซีย (IDR): สกุลเงินเหล่านี้ขึ้นกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์และนโยบายธนาคารกลาง การเติบโตเศรษฐกิจที่แข็งและการปฏิรูปโครงสร้างจะช่วยให้มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นในอนาคต

นอกจากนี้ การรวมกลุ่มเศรษฐกิจอย่างประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ยังส่งเสริมความร่วมมือและการค้า ซึ่งอาจช่วยเสริมเสถียรภาพสกุลเงินในระยะยาว โดยเฉพาะเมื่อภูมิภาคนี้กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว

ค่าเงินที่แพงที่สุดกับชีวิตคนไทย: ผลกระทบและโอกาส

ค่าเงินที่แพงที่สุดในโลกอาจดูห่างไกล แต่จริงๆ แล้วมันส่งผลกระทบทั้งโดยตรงและทางอ้อมต่อคนไทยในหลายด้าน

  • การท่องเที่ยว: ถ้าวางแผนไปประเทศที่มีค่าเงินแข็งอย่างสหราชอาณาจักรหรือสวิตเซอร์แลนด์ ค่าใช้จ่ายด้านอาหาร ที่พัก และขนส่งจะแพงกว่ามากเมื่อแปลงเป็นบาท เช่น การคำนวณว่า 1 ดีนาร์คูเวต เท่ากับกี่บาท จะทำให้เห็นว่าอำนาจซื้อของเราลดลงชัดเจน
  • การนำเข้า-ส่งออก: ผู้ประกอบการไทยที่นำเข้าสินค้าจากชาติค่าเงินแข็ง เช่น เครื่องจักรจากยุโรปหรือญี่ปุ่น จะเจอต้นทุนสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาสินค้าในไทยปรับตัวตาม แต่ผู้ส่งออกไทยได้ประโยชน์จากบาทอ่อน ทำให้สินค้าไทยถูกและแข่งขันได้ในตลาดโลก
  • การลงทุนและการออม: นักลงทุนไทยอาจมองหาโอกาสในสกุลเงินแข็งเพื่อกระจายความเสี่ยงและผลตอบแทนดีกว่า แต่ต้องระวังความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ควรศึกษาข้อมูลดีๆ รวมถึงกฎของธนาคารแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับ การควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนและภาษีที่เกี่ยวข้อง
  • การโอนเงินระหว่างประเทศ: สำหรับแรงงานไทยต่างแดนหรือนักเรียนที่โอนเงินกลับ อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างบาทกับสกุลเงินแพงอย่างดอลลาร์หรือยูโร จะกระทบจำนวนบาทที่ได้รับโดยตรง ซึ่งอาจเป็นโอกาสหรือความเสี่ยง
  • หลีกเลี่ยงความเข้าใจผิด: อย่าคิดว่าค่าเงินแพงแปลว่าเศรษฐกิจดีเสมอไป บางครั้งอาจมาจากปริมาณหมุนเวียนน้อยหรือนโยบายเฉพาะ ไม่ได้บอกถึงศักยภาพเติบโตระยะยาวเสมอ

การตระหนักถึงผลกระทบเหล่านี้จะช่วยให้เราวางแผนได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในยุคที่อัตราแลกเปลี่ยนเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว

แนวโน้มและอนาคตของค่าเงินโลก (มองไปถึงปี 2025)

อนาคตค่าเงินโลกคาดเดายากเพราะขึ้นกับปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงตลอด แต่แนวโน้มสำคัญที่อาจกำหนดค่าเงินที่แพงที่สุดในโลกปี 2025 มีดังนี้

  • นโยบายการเงินของธนาคารกลางหลัก: การตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed), ECB และ BOJ เรื่องดอกเบี้ยและมาตรการกระตุ้น จะขับเคลื่อนสกุลเงินสำคัญ
  • การเติบโตของเศรษฐกิจโลก: ถ้าเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวแข็งแกร่ง สกุลเงินที่เชื่อมโยงการค้า เช่น ยูโรหรือดอลลาร์แคนาดา อาจแข็งค่าขึ้น
  • ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์: ความขัดแย้งทางการเมืองหรือสงคราม อาจดึงเงินทุนไปสู่สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างฟรังก์สวิสหรือดอลลาร์สหรัฐ
  • การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจ: การหันสู่เศรษฐกิจสีเขียวหรือเปลี่ยนแปลงพลังงาน อาจกระทบสกุลเงินจากชาติพึ่งน้ำมัน
  • การเกิดขึ้นของสกุลเงินดิจิทัล: แม้ยังเริ่มต้น แต่ CBDC และคริปโตอาจเปลี่ยนภูมิทัศน์ค่าเงินในระยะยาว โดยเฉพาะถ้าธนาคารกลางหลายแห่งนำมาใช้

โดยรวม สกุลเงินน้ำมันอย่างดีนาร์คูเวตอาจยังครองอันดับ แต่เสถียรภาพเศรษฐกิจ การเมือง และนโยบายการเงินจะเป็นตัวชี้วัดความแข็งแกร่งจริงๆ

บทสรุป: ความรู้คือพลังในโลกการเงิน

การเข้าใจค่าเงินที่แพงที่สุดในโลกและปัจจัยที่ขับเคลื่อนสกุลเงินต่างๆ ไม่ใช่แค่ความรู้ทฤษฎี แต่เป็นเครื่องมือช่วยวิเคราะห์เศรษฐกิจโลกและตัดสินใจทางการเงินอย่างชาญฉลาด ไม่ว่าจะวางแผนท่องเที่ยว ลงทุน หรือทำธุรกิจระหว่างประเทศ การติดตามข่าวสารและแนวโน้มตลาดเงินอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ปรับตัวและใช้ประโยชน์จากความเปลี่ยนแปลง สร้างความมั่นคงและความมั่งคั่งในโลกการเงินที่ซับซ้อนนี้ได้

คำถามที่ 1: ค่าเงินที่แพงที่สุดในโลกคือสกุลเงินอะไร และเหตุผลหลักคืออะไร?

ค่าเงินที่แพงที่สุดในโลกคือ Dinar คูเวต (KWD) เหตุผลหลักคือคูเวตมีน้ำมันสำรองขนาดใหญ่ สร้างรายได้ส่งออกมหาศาล บวกกับนโยบายการเงินเข้มงวดและวินัยทางการคลังที่สูง

คำถามที่ 2: ทำไมค่าเงินในตะวันออกกลาง (เช่น Dinar คูเวต, Rial โอมาน) ถึงมีมูลค่าสูงมาก?

หลักๆ มาจากการเป็นผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันรายใหญ่ ทำให้เศรษฐกิจร่ำรวย นอกจากนี้ หลายสกุลเงินผูกติดกับดอลลาร์สหรัฐ และมีนโยบายรักษาเสถียรภาพที่เข้มแข็ง

คำถามที่ 3: ค่าเงินที่แพงที่สุดในเอเชียและอาเซียนคือสกุลเงินใดบ้าง และมีปัจจัยอะไรที่หนุนหลัง?

ในเอเชียและอาเซียน Dollar สิงคโปร์ (SGD) เป็นสกุลเงินที่แข็งแกร่งและมีมูลค่าสูงสุด ปัจจัยหลักคือสิงคโปร์เป็นศูนย์กลางการเงิน-ค้าขายโลก เศรษฐกิจมั่นคง เสถียรภาพทางการเมืองดี และการจัดการเศรษฐกิจยอดเยี่ยม

คำถามที่ 4: 1 ดีนาร์คูเวต เท่ากับกี่บาทไทยในปัจจุบัน และการเปลี่ยนแปลงมีผลต่อคนไทยอย่างไร?

ช่วงต้นปี 2024 โดยประมาณ 1 ดีนาร์คูเวต เท่ากับราว 118 บาทไทย (อัตราเปลี่ยนแปลงตลอด) ผลกระทบต่อคนไทย ได้แก่:

  • คนไทยไปคูเวตจะรู้สึกค่าใช้จ่ายแพงมาก
  • ผู้ประกอบการนำเข้าจากชาติค่าเงินแข็งแบกรับต้นทุนสูง
  • แรงงานไทยในต่างแดนอาจได้ประโยชน์ถ้าอัตราแลกเปลี่ยนดีเมื่อโอนเงินกลับ

คำถามที่ 5: ค่าเงินที่แข็งค่าขึ้นมีผลดีหรือผลเสียต่อเศรษฐกิจและการใช้ชีวิตของคนไทยอย่างไร?

ผลดี:

  • นำเข้าสินค้าและวัตถุดิบถูกลง
  • เดินทางต่างประเทศมีอำนาจซื้อเพิ่ม
  • ดึงดูดเงินลงทุนจากต่างชาติ

ผลเสีย:

  • สินค้าไทยแพงในตลาดโลก ส่งออกยาก
  • รายได้ท่องเที่ยวลดเพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติรู้สึกไทยแพง
  • ผู้ส่งออกได้เงินบาทน้อยลง

คำถามที่ 6: การลงทุนในสกุลเงินที่แพงที่สุดในโลกมีความเสี่ยงและผลตอบแทนอย่างไรสำหรับนักลงทุนไทย?

ลงทุนในสกุลเงินแพงอาจได้ผลตอบแทนจากความแข็งค่า แต่เสี่ยงสูงจากความผันผวนอัตราแลกเปลี่ยน นักลงทุนไทยควรถ้าถึงค่าธรรมเนียม ภาษี และข้อจำกัดลงทุนต่างประเทศตามนโยบายธนาคารแห่งประเทศไทย

คำถามที่ 7: มีสกุลเงินใดบ้างที่ถือเป็น “สินทรัพย์ปลอดภัย” และคนไทยควรพิจารณาอย่างไร?

สกุลเงินสินทรัพย์ปลอดภัยหลัก ได้แก่ Franc สวิส (CHF), Dollar สหรัฐ (USD) และ Yen ญี่ปุ่น (JPY) (แม้ช่วงนี้ JPY อ่อนลง) สกุลเหล่านี้ต้องการสูงในตลาดไม่แน่นอน คนไทยที่อยากกระจายความเสี่ยงควรศึกษาความผันผวนและปัจจัยอื่นๆ ดีๆ

คำถามที่ 8: ค่าเงินที่แพงที่สุดในโลกปี 2025 มีแนวโน้มจะเปลี่ยนแปลงไปจากปัจจุบันหรือไม่?

โดยรวม สกุลเงินจากผู้ผลิตน้ำมันอย่าง Dinar คูเวต, Dinar บาห์เรน และ Rial โอมาน น่าจะรักษาอันดับไว้ได้จากพื้นฐานเศรษฐกิจแข็งแกร่ง แต่ตำแหน่งรองอาจเปลี่ยนตามเศรษฐกิจโลก นโยบายธนาคารกลาง และภูมิรัฐศาสตร์

คำถามที่ 9: นอกจากความแพงแล้ว มีปัจจัยใดอีกบ้างที่บ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของค่าเงิน?

นอกจากมูลค่าการแลกเปลี่ยนสูง ความแข็งแกร่งยังดูจาก:

  • เสถียรภาพ: ความผันผวนต่ำ
  • สภาพคล่อง: ซื้อขายง่ายในตลาดโลก
  • การยอมรับ: เป็นสกุลเงินสำรองหรือใช้ในค้าขาย-ลงทุนระหว่างประเทศ
  • ความน่าเชื่อถือ: ความเชื่อมั่นในนโยบายเศรษฐกิจ-การเงินของชาติ

คำถามที่ 10: ค่าเงินที่ถูกที่สุดในโลกคืออะไร และทำไมถึงถูก?

ค่าเงินถูกที่สุดมักจากชาตินี้ปัญหาเศรษฐกิจรุนแรง เช่น เงินเฟ้อสูงมาก (Hyperinflation), การเมืองไม่มั่นคง, หนี้สูง หรือพึ่งพาเศรษฐกิจภายนอกมาก ตัวอย่างเช่น Rial อิหร่าน, Dong เวียดนาม หรือ Som อุซเบกิสถาน ซึ่งมูลค่าต่ำสะท้อนความท้าทายทางเศรษฐกิจ

發佈留言