Swing Trade คืออะไร? 5 ข้อดีที่นักลงทุนไทยไม่ควรมองข้าม

สรุปข่าวฟอเร็กซ์

บทนำ: Swing Trade คืออะไร? ทำไมต้องสนใจ?

การเทรดแบบสวิงเทรดกำลังกลายเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในกลุ่มนักลงทุนชาวไทย โดยเฉพาะคนที่อยากหาโอกาสทำกำไรในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ไม่ชอบความกดดันแบบการเทรดรายวันในตลาดหุ้นไทยหรือตลาดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ รูปแบบนี้มุ่งเน้นการคว้าช่วงการเคลื่อนไหวของราคาที่เกิดขึ้นในเวลาไม่กี่วันหรือสูงสุดสองสามสัปดาห์ ทำให้เหมาะกับคนที่ต้องการความยืดหยุ่นมากกว่าการลงทุนระยะยาว ในบทความนี้ เราจะสำรวจรายละเอียดทุกด้านของสวิงเทรด ตั้งแต่ความหมายพื้นฐาน วิธีการใช้กลยุทธ์ ข้อดีข้อเสีย การจัดการความเสี่ยง ไปจนถึงแนวทางเริ่มต้นสำหรับนักลงทุนไทย เพื่อช่วยให้คุณประเมินว่าวิธีนี้เหมาะกับสไตล์ของคุณหรือไม่ และจะลงมือทำอย่างไรให้สำเร็จ

ภาพประกอบนักลงทุนไทยกำลังดูกราฟสมดุลระหว่างกำไรและความเครียด

Swing Trade คืออะไร? นิยามและหลักการพื้นฐาน

สวิงเทรดคือวิธีการเทรดที่มุ่งทำกำไรจากความผันผวนของราคาสินทรัพย์ในช่วงสั้นถึงกลาง โดยปกติจะถือตำแหน่งไว้ตั้งแต่หลายวันจนถึงหลายสัปดาห์ แตกต่างจากการเทรดรายวันที่ปิดตำแหน่งภายในวันเดียว หรือการลงทุนระยะยาวที่อาจกินเวลาหลายเดือนหรือหลายปี หลักการหลักคือการจับจุดสูงสุดและต่ำสุดของการแกว่งตัวราคา หรือที่รู้จักกันในชื่อสวิงไฮและสวิงโล โดยใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อหาจุดเข้าซื้อตอนราคาต่ำและคาดว่าจะขึ้น หรือขายตอนราคาสูงและคาดว่าจะลง

เครื่องมือที่ใช้บ่อยในสวิงเทรด ได้แก่หุ้น สกุลเงินต่างประเทศ สินค้าโภคภัณฑ์ และดัชนีตลาด เช่นดัชนีหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย การเลือกสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องดีและราคาเคลื่อนไหวชัดเจนจะช่วยเพิ่มโอกาสทำกำไรให้สูงขึ้น โดยนักลงทุนสามารถปรับใช้ได้ทั้งในตลาดหุ้นไทยและตลาดอื่นๆ ที่เข้าถึงง่าย

ภาพประกอบกราฟการเงินแสดงจุดสวิงไฮและสวิงโลสำหรับการเทรดระยะสั้น

เวลาที่ใช้ในการถือครอง (Holding Period) ของ Swing Trade

ช่วงเวลาถือตำแหน่งเป็นจุดเด่นที่ทำให้สวิงเทรดแตกต่างจากรูปแบบอื่นๆ โดยทั่วไปจะอยู่ที่ 2 ถึง 7 วัน หรือยืดไปถึง 2-4 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับความผันผวนของตลาดและกลยุทธ์ที่เลือก ความยืดหยุ่นนี้เหมาะมากสำหรับนักลงทุนไทยที่มีงานประจำ เพราะไม่ต้องจับตาหน้าจอทั้งวันเหมือนการเทรดรายวัน แต่ก็ยังให้โอกาสทำกำไรเร็วกว่าการถือยาว ทำให้สามารถจัดการเวลาได้สะดวกยิ่งขึ้น

ภาพประกอบนาฬิกา กราฟ และปฏิทินสื่อถึงช่วงเวลาถือครองที่ยืดหยุ่นในการเทรด

ข้อดีและข้อเสียของการทำ Swing Trade

ทุกวิธีการลงทุนย่อมมีทั้งด้านบวกและลบที่ต้องชั่งน้ำหนักก่อนเลือกใช้สวิงเทรดก็เช่นกัน โดยพิจารณาจากไลฟ์สไตล์และเป้าหมายของคุณเพื่อให้เหมาะสมที่สุด

ข้อดี:

  • เทรดน้อยครั้งกว่า: เมื่อเทียบกับการเทรดรายวันหรือการเทรดสั้นๆ แบบสแคปปิ้ง สวิงเทรดช่วยลดค่าธรรมเนียมและความเครียดจากการเฝ้าตลาดตลอด
  • เวลายืดหยุ่น: เหมาะกับคนทำงานประจำ เพราะสามารถวิเคราะห์และตัดสินใจนอกเวลางานได้ โดยไม่ต้องติดหน้าจอทั้งวัน
  • โอกาสกำไรน่าพอใจ: แต่ละครั้งมีศักยภาพทำกำไรสูงกว่า เพราะจับการเคลื่อนไหวราคาที่ใหญ่กว่า
  • มองภาพรวมแนวโน้ม: ช่วยให้คว้ากำไรจากแนวโน้มกลางได้ดี โดยไม่ติดอยู่กับภาพสั้นๆ เพียงอย่างเดียว

ข้อเสีย:

  • ความเสี่ยงข้ามคืน: การถือตำแหน่งนานกว่าหนึ่งวันทำให้เผชิญข่าวลือหรือเหตุการณ์นอกตลาด ซึ่งอาจทำให้ราคาเปิดช่องว่างและขาดทุนกะทันหัน
  • ต้องมีทักษะวิเคราะห์เทคนิค: ต้องเข้าใจการอ่านกราฟแท่งเทียนและตัวชี้วัดต่างๆ ให้ดี
  • อาจพลาดแนวโน้มใหญ่: ถ้ามุ่งแต่จุดแกว่งตัวเล็กๆ อาจมองข้ามโอกาสกำไรจากแนวโน้มยาว
  • ต้องการทุนพอสมควร: แม้ไม่มากเท่าลงทุนยาว แต่ก็ต้องมีทุนรองรับความผันผวนและตั้งจุดตัดขาดทุนที่เหมาะสม

กลยุทธ์ Swing Trade ยอดนิยมที่นักลงทุนไทยใช้

เพื่อให้สวิงเทรดได้ผลดี ต้องมีกลยุทธ์ที่ชัดเจนและรวมเครื่องมือทางเทคนิคเข้าด้วยกัน นักลงทุนไทยมักเลือกใช้วิธีเหล่านี้เพราะเหมาะกับตลาดท้องถิ่นและเข้าถึงง่าย โดยสามารถปรับแต่งให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันได้

กลยุทธ์ติดตามแนวโน้ม (Trend Following)

วิธีนี้เน้นเทรดตามทิศทางแนวโน้มที่กำลังดำเนิน โดยใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ เช่นค่าเฉลี่ย 50 วันหรือ 200 วัน เพื่อยืนยันทิศทาง ถ้าราคาอยู่เหนือเส้นและเส้นชี้ขึ้น แสดงถึงแนวโน้มขาขึ้น ก็เข้าซื้อและตั้งจุดตัดขาดทุนใต้เส้นหรือใต้จุดต่ำสุดล่าสุด เป้าหมายคือคว้ากำไรจากแนวโน้มที่ยืดเยื้อ ซึ่งเหมาะกับตลาดที่มีทิศทางชัดเจน

กลยุทธ์การเทรดสวนแนวโน้ม (Counter-Trend Trading)

กลยุทธ์นี้เข้าซื้อตอนสินทรัพย์ถูกขายมากเกินไปในแนวโน้มลง หรือขายตอนถูกซื้อมากเกินในแนวโน้มขึ้น โดยคาดว่าราคาจะเด้งกลับ เครื่องมือหลักคือดัชนีความแข็งแกร่งสัมพัทธ์และโคไซติกออสซิลเลเตอร์ ถ้าค่าต่ำกว่า 30 หรือ 20 อาจเป็นสัญญาณซื้อ แต่ถ้าสูงกว่า 70 หรือ 80 อาจขาย อย่างไรก็ตาม วิธีนี้เสี่ยงสูงเพราะขัดแนวโน้มหลัก ดังนั้นต้องใช้อย่างระมัดระวัง

กลยุทธ์ Breakout Trading (การทะลุแนวต้าน/แนวรับ)

เข้าซื้อเมื่อราคาทะลุแนวต้านสำคัญ หรือขายเมื่อทะลุแนวรับ โดยการทะลุเหล่านี้บ่งบอกถึงแนวโน้มที่แข็งแกร่ง การยืนยันที่ดีควรดูปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นผิดปกติ ซึ่งแสดงถึงแรงผลักดันที่เข้มข้น กลยุทธ์นี้ช่วยจับจุดเริ่มต้นของการเคลื่อนไหวใหญ่ได้ดี

การใช้ Candlestick Patterns (รูปแบบแท่งเทียน)

รูปแบบแท่งเทียนเป็นเครื่องมือพื้นฐานที่ช่วยเห็นสัญญาณชัดเจน นักลงทุนไทยชอบใช้รูปแบบเช่นค้อนหรือดาวเช้าเป็นสัญญาณซื้อ และดาวตกหรือดาวเย็นเป็นสัญญาณขาย โดยรวมกับแนวรับแนวต้านและตัวชี้วัดอื่นๆ เพื่อเพิ่มความมั่นใจ ทำให้การตัดสินใจแม่นยำยิ่งขึ้น

การบริหารความเสี่ยงและเงินทุนสำหรับ Swing Trade (風險管理)

การจัดการความเสี่ยงและทุนเป็นหัวใจของการเทรดทุกประเภท โดยเฉพาะสวิงเทรดที่เสี่ยงจากเหตุการณ์นอกเวลา หากไม่ทำดีอาจขาดทุนหนักได้ ดังนั้นต้องวางแผนให้รัดกุมตั้งแต่เริ่ม

  • กำหนดจุดตัดขาดทุน: สำคัญที่สุดทุกครั้ง ต้องตั้งจุดชัดเจนก่อนเข้าเทรด เช่น 2-3% ของทุนทั้งหมด หรือใต้แนวรับสำคัญ เพื่อจำกัดขาดทุนและไม่ให้สถานการณ์แย่ลง
  • กำหนดจุดทำกำไร: ตั้งเป้ากำไรชัด เช่นอัตราส่วน 1:2 หรือ 1:3 จากความเสี่ยง (ถ้าตัดขาดทุน 100 บาท เป้ากำไรอย่างน้อย 200-300 บาท) เพื่อปิดตำแหน่งทันเวลาและหลีกเลี่ยงความโลภ
  • การบริหารขนาดตำแหน่ง: กำหนดขนาดการลงทุนแต่ละครั้งให้เหมาะกับทุนและความเสี่ยงที่ยอมรับ ไม่เกิน 1-2% ของพอร์ตทั้งหมดต่อเทรด เพื่อป้องกันขาดทุนรุนแรง
  • หลีกเลี่ยงการทุ่มหมด: อย่าเทรดด้วยทุนทั้งหมดทีเดียว การกระจายทุนไปหลายตำแหน่งหรือสินทรัพย์จะลดความเสี่ยงโดยรวม

Swing Trade vs. Day Trade vs. Scalping: เลือกแบบไหนดี?

การเข้าใจความแตกต่างจะช่วยให้เลือกวิธีเทรดที่ตรงกับตัวคุณ ลองมาดูการเปรียบเทียบระหว่างสวิงเทรด การเทรดรายวัน และการเทรดสั้นๆ เพื่อตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

คุณสมบัติ Swing Trade Day Trade Scalping Trade
เวลาที่ใช้ในการถือครอง (Holding Period) 2-7 วัน ถึง 2-4 สัปดาห์ ปิดสถานะภายในวันเดียว (ไม่ถือข้ามคืน) ไม่กี่วินาที ถึงไม่กี่นาที (สูงสุดไม่กี่ชั่วโมง)
ความถี่ในการเทรด (Trading Frequency) ต่ำถึงปานกลาง (ไม่กี่ครั้งต่อสัปดาห์) สูง (หลายครั้งต่อวัน) สูงมาก (เป็นสิบๆ ถึงร้อยครั้งต่อวัน)
ศักยภาพกำไร/ขาดทุน (Potential Profit/Loss) ปานกลางถึงสูงต่อการเทรดหนึ่งครั้ง ต่ำต่อการเทรดหนึ่งครั้ง แต่สะสมเป็นจำนวนมาก ต่ำมากต่อการเทรดหนึ่งครั้ง แต่สะสมเป็นจำนวนมาก
เวลาที่ต้องเฝ้าหน้าจอ (Time Commitment) ตรวจสอบเป็นครั้งคราว (วันละ 1-2 ชั่วโมง) เกือบตลอดเวลาในระหว่างชั่วโมงตลาด ตลอดเวลาในระหว่างชั่วโมงตลาด
เงินทุนที่ต้องการ (Capital Required) ปานกลาง สูง (เพื่อรองรับการเทรดบ่อยครั้ง) สูง (เพื่อรองรับการเทรดบ่อยครั้ง)
ระดับความเสี่ยง (Risk Level) ปานกลาง (มี Overnight Risk) ต่ำ (ไม่มี Overnight Risk) ต่ำ (เน้นปริมาณ ไม่เน้นขนาดกำไร)
เหมาะสำหรับใคร (เหมาะสำหรับใคร) ผู้มีงานประจำ, มีวินัย, ชอบจับแนวโน้มระยะกลาง ผู้ที่ต้องการเทรดเต็มเวลา, มีสมาธิสูง, ตัดสินใจเร็ว ผู้ที่ต้องการเทรดเต็มเวลา, มีสมาธิสูง, ตัดสินใจเร็ว, รับความกดดันสูง

เริ่มต้น Swing Trade ในตลาดหุ้นไทยและ Forex อย่างไร (泰國實戰指南)

นักลงทุนไทยที่สนใจสวิงเทรดสามารถเริ่มได้ด้วยขั้นตอนง่ายๆ ที่ช่วยสร้างฐานให้มั่นคง โดยเน้นการเตรียมตัวและเครื่องมือที่เหมาะสมกับตลาดในประเทศ

ขั้นตอนที่ 1: การศึกษาและเตรียมความพร้อม

เริ่มจากศึกษาพื้นฐานสวิงเทรดให้ละเอียด รวมถึงหลักการทางเทคนิค ตัวชี้วัด และกลยุทธ์หลากหลาย แหล่งเรียนรู้มีทั้งหนังสือ คอร์สออนไลน์ หรือบทความจากแหล่งน่าเชื่อถือ การฝึกด้วยบัญชีทดลองช่วยให้ชินกับแพลตฟอร์มและทดสอบกลยุทธ์โดยไม่เสี่ยงเงินจริง สำหรับข้อมูลตลาดหุ้นไทยเพิ่มเติม ลองดูที่ เว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เพื่อเข้าใจกฎเกณฑ์และโอกาส

ขั้นตอนที่ 2: การเลือกโบรกเกอร์ (Broker)

การเลือกโบรกเกอร์ที่ใช่เป็นก้าวสำคัญ สำหรับตลาดหุ้นไทย มีตัวเลือกชื่อดังอย่างบริษัทหลักทรัพย์บัวหลวงหรืออินโนเวสต์เอ็กซ์จากเครือเอสซีบี สำหรับตลาดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ควรเลือกที่มีใบอนุญาตชัดเจน สิ่งที่ต้องพิจารณา ได้แก่ค่าธรรมเนียมที่ต่ำ แพลตฟอร์มใช้งานสะดวกพร้อมเครื่องมือเทคนิคครบ การบริการลูกค้าที่รวดเร็ว และความน่าเชื่อถือภายใต้การกำกับดูแล

ขั้นตอนที่ 3: การวิเคราะห์ตลาดและหาโอกาส

เมื่อพร้อมแล้ว เริ่มวิเคราะห์ตลาดด้วยเครื่องมือเทคนิคที่เรียนรู้มา นักลงทุนไทยควรติดตามข่าวเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะที่กระทบตลาดหุ้นไทยหรือคู่สกุลเงินที่สนใจ แหล่งข่าวดีๆ เช่น ไทยรัฐออนไลน์ (Thairath Money) จะช่วยเสริมการตัดสินใจให้แม่นยำยิ่งขึ้น

ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยและเคล็ดลับสู่ความสำเร็จใน Swing Trade

สวิงเทรดมีโอกาสทำกำไรสูง แต่ก็มีหลุมพรางที่ทำให้หลายคนในไทยขาดทุนได้ ถ้าทำตามเคล็ดลับเหล่านี้ จะช่วยหลีกเลี่ยงปัญหาและเพิ่มโอกาสชนะ

ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย:

  • ขาดจุดตัดขาดทุนชัดเจน: ปล่อยให้ขาดทุนลากยาวจนพอร์ตพัง
  • เทรดบ่อยเกินไป: เปิดตำแหน่งโดยไม่มีสัญญาณชัด หรือเพราะอารมณ์อยากทำ
  • ตัดสินใจด้วยอารมณ์: กลัวหรือโลภนำไปสู่การผิดพลาด
  • ไม่ทบทวนการเทรด: ไม่บันทึกหรือเรียนรู้จากความผิดพลาด ทำให้ไม่ก้าวหน้า

เคล็ดลับสู่ความสำเร็จ:

  • วางแผนเทรดและยึดมั่น: กำหนดจุดเข้า ออก ตัดขาดทุน และทำกำไรล่วงหน้า แล้วทำตามด้วยวินัย
  • เรียนรู้ต่อเนื่อง: ตลาดเปลี่ยนแปลงเสมอ ต้องอัปเดตกลยุทธ์ใหม่และปรับให้เข้ากับสภาพปัจจุบัน
  • อดทนรอสัญญาณ: รอจุดเข้าที่ดี อย่ารีบเข้าเทรดเพราะใจร้อน
  • บันทึกสมุดการเทรด: จดทุกครั้งที่เทรด รวมเหตุผลและผลลัพธ์ เพื่อวิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อน

สรุป: Swing Trade ทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนไทย

สวิงเทรดเป็นรูปแบบเทรดที่มีประสิทธิภาพสำหรับนักลงทุนไทยที่มีเวลาจำกัด แต่เข้าใจการวิเคราะห์ทางเทคนิคและมีวินัยจัดการความเสี่ยง แม้เสี่ยงจากเหตุการณ์ข้ามคืน แต่ด้วยกลยุทธ์ดีและการดูแลทุนอย่างรอบคอบ ก็กลายเป็นทางเลือกที่น่าลองและให้ผลตอบแทนคุ้มค่า ช่วยเพิ่มมูลค่าพอร์ตของคุณในระยะกลางได้อย่างมีประสิทธิภาพ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Swing Trade

Swing Trade คืออะไร และต่างจาก Day Trade กับ Scalping Trade อย่างไร?

Swing Trade คือการเทรดที่ถือครองสถานะประมาณ 2-7 วันถึง 2-4 สัปดาห์ เพื่อทำกำไรจากรอบการเคลื่อนไหวของราคา

  • **Day Trade** คือการซื้อขายและปิดสถานะทั้งหมดภายในวันเดียว ไม่ถือข้ามคืน
  • **Scalping Trade** คือการซื้อขายในระยะเวลาสั้นมาก เพียงไม่กี่วินาทีถึงนาที เพื่อทำกำไรเล็กน้อยแต่บ่อยครั้ง

เริ่มต้น Swing Trade ในตลาดหุ้นไทย ต้องทำอย่างไรบ้าง?

1. ศึกษาความรู้พื้นฐานและกลยุทธ์การวิเคราะห์ทางเทคนิค

2. ฝึกฝนด้วยบัญชีทดลอง (Demo Account)

3. เลือกโบรกเกอร์ในตลาดหุ้นไทยที่เหมาะสม (เช่น Bualuang Securities, InnovestX)

4. เริ่มต้นวิเคราะห์ตลาดและหาโอกาสในการเข้าเทรด

Swing Trade หุ้นไทย มีข้อดีและข้อเสียอะไรบ้าง?

ข้อดี: ลดความถี่ในการเทรด, มีเวลาที่ยืดหยุ่น, มีศักยภาพทำกำไรที่เหมาะสม, จับภาพรวมแนวโน้มได้ดี

ข้อเสีย: มีความเสี่ยงข้ามคืน (Overnight Risk), ต้องใช้ทักษะการวิเคราะห์ทางเทคนิค, อาจพลาดแนวโน้มใหญ่ในระยะยาว

การเลือกหุ้นเพื่อทำ Swing Trade ในตลาด SET มีหลักการอย่างไร?

ควรเลือกหุ้นที่มีสภาพคล่องสูง มีปริมาณการซื้อขายที่สม่ำเสมอ และมีการเคลื่อนไหวของราคาที่ชัดเจน (มีเทรนด์) หลีกเลี่ยงหุ้นที่ไม่มีข่าวสารหรือมีความผันผวนสูงผิดปกติโดยไม่มีปัจจัยรองรับ และควรใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อหาจุดเข้าและออกที่เหมาะสม

ต้องใช้เงินลงทุนเท่าไหร่ถึงจะเริ่ม Swing Trade ได้?

จำนวนเงินลงทุนเริ่มต้นขึ้นอยู่กับตลาดและโบรกเกอร์ที่คุณเลือก สำหรับตลาดหุ้นไทย บางโบรกเกอร์อาจกำหนดขั้นต่ำประมาณ 10,000 – 20,000 บาท แต่อย่างไรก็ตาม ควรมีเงินทุนที่เพียงพอสำหรับการบริหารความเสี่ยงและกำหนดจุด Stop Loss ที่เหมาะสม

มีกลยุทธ์ Swing Trade ยอดนิยมอะไรบ้างที่นักลงทุนไทยใช้?

กลยุทธ์ยอดนิยมได้แก่:

  • กลยุทธ์ติดตามแนวโน้ม (Trend Following)
  • กลยุทธ์การเทรดสวนแนวโน้ม (Counter-Trend Trading)
  • กลยุทธ์ Breakout Trading (การทะลุแนวต้าน/แนวรับ)
  • การใช้ Candlestick Patterns (รูปแบบแท่งเทียน)

Swing Trade จำเป็นต้องเฝ้าหน้าจอทั้งวันไหม?

ไม่จำเป็นต้องเฝ้าหน้าจอทั้งวันเหมือน Day Trade หรือ Scalping Trade เนื่องจาก Swing Trade มีระยะเวลาถือครองนานกว่า คุณสามารถใช้เวลาวันละ 1-2 ชั่วโมงในการวิเคราะห์ตลาด วางแผนการเทรด และตรวจสอบสถานะก็ได้

หากขาดทุนจากการ Swing Trade ควรทำอย่างไร?

หากขาดทุน ควรปฏิบัติตามแผนการเทรดที่วางไว้โดยเคร่งครัด โดยเฉพาะการตัดขาดทุน (Stop Loss) เพื่อจำกัดความเสียหาย จากนั้นให้บันทึกการเทรด ทบทวนข้อผิดพลาด และเรียนรู้จากประสบการณ์เพื่อปรับปรุงกลยุทธ์ในอนาคต

มีโบรกเกอร์ (Broker) ไหนในไทยที่เหมาะกับการทำ Swing Trade บ้าง?

สำหรับตลาดหุ้นไทย โบรกเกอร์ที่ได้รับความนิยมและมีแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย เช่น บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง (Bualuang Securities) หรือ InnovestX (บริษัทในเครือ SCB) เป็นต้น ควรพิจารณาจากค่าธรรมเนียม แพลตฟอร์มการเทรด และการบริการลูกค้า

Swing Trade ถือเป็นการลงทุนระยะสั้นหรือระยะยาว?

Swing Trade ถือเป็นการเทรดในระยะสั้นถึงระยะกลาง โดยมีระยะเวลาถือครองนานกว่า Day Trade แต่สั้นกว่าการลงทุนระยะยาวหลายเดือนหรือหลายปี

發佈留言