งบประมาณขาดดุล หมายถึงอะไร? เจาะลึก 3 สถานะการคลังและผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย

ตลาดหลักทรัพย์ไทย

บทนำ: ทำไมต้องเข้าใจ “งบประมาณขาดดุล”?

สำหรับคนไทยทุกคน การรู้จักและเข้าใจเรื่องงบประมาณขาดดุลนั้นสำคัญมาก ไม่ใช่แค่คำศัพท์ยากๆ ในหนังสือเศรษฐศาสตร์ แต่เป็นปัจจัยหลักที่บอกถึงสภาพคลังของชาติ และส่งผลโดยตรงต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ ค่าครองชีพในชีวิตประจำวัน และโอกาสในอนาคตของเราทุกคน เมื่อรัฐบาลใช้เงินมากกว่าที่หาได้ ก็ต้องหันไปกู้ยืมเพื่อเติมส่วนที่ขาดหายไป บทความนี้จะพาไปสำรวจความหมาย สาเหตุ ผลดีผลเสีย และวิธีที่รัฐบาลไทยจัดการกับเรื่องนี้ เพื่อให้คุณเห็นภาพชัดเจนและเชื่อมโยงกับชีวิตตัวเองได้ง่ายขึ้น

ภาพประกอบตาชั่งที่แสดงการใช้จ่ายรัฐบาลมากกว่ารายได้นำไปสู่หนี้สิน พร้อมธงชาติไทยในพื้นหลัง

งบประมาณขาดดุล หมายถึงอะไร? คำจำกัดความที่ชัดเจน

ความหมายพื้นฐานของการขาดดุลงบประมาณ

งบประมาณขาดดุลคือภาวะที่รัฐบาลต้องเผชิญเมื่อค่าใช้จ่ายทั้งหมดสูงกว่ารายได้ที่เก็บได้จริงในช่วงเวลาหนึ่ง เช่นหนึ่งปีงบประมาณ ลองนึกภาพรัฐบาลวางแผนใช้เงิน 3.3 ล้านล้านบาท แต่คาดว่าจะได้เงินเข้ามาแค่ 2.7 ล้านล้านบาท ส่วนต่าง 600,000 ล้านบาทนี้คือช่องว่างที่กระทรวงการคลังต้องหาทางเติมเต็ม เพื่อให้การดำเนินงานของรัฐยังไปต่อได้

ภาพประกอบอาคารกระทรวงการคลังไทยที่มีเงินไหลออกมากกว่าไหลเข้า แสดงถึงงบประมาณขาดดุล

เปรียบเทียบ: งบประมาณขาดดุล, เกินดุล และสมดุล

เพื่อช่วยให้เข้าใจง่าย เรามาดูการเปรียบเทียบระหว่างสถานะงบประมาณทั้งสามแบบกัน

ประเภทงบประมาณ คำอธิบาย ผลลัพธ์ทางการคลัง นโยบายการคลังที่เกี่ยวข้อง
งบประมาณขาดดุล (Budget Deficit) รายจ่ายรัฐบาล > รายได้รัฐบาล รัฐบาลต้องกู้ยืมเงินเพื่อชดเชยส่วนที่ขาดไป ทำให้ หนี้สาธารณะ เพิ่มขึ้น มักใช้เพื่อกระตุ้น เศรษฐกิจ ในภาวะชะลอตัว หรือลงทุนในโครงการขนาดใหญ่
งบประมาณเกินดุล (Budget Surplus) รายได้รัฐบาล > รายจ่ายรัฐบาล รัฐบาลมีเงินเหลือ สามารถนำไปชำระหนี้ ลดภาระดอกเบี้ย หรือสะสมเป็นทุนสำรองได้ บ่งชี้ถึงการบริหารการคลังที่แข็งแกร่ง อาจเกิดขึ้นในช่วง เศรษฐกิจ ขยายตัวดี
งบประมาณสมดุล (Balanced Budget) รายจ่ายรัฐบาล = รายได้รัฐบาล รัฐบาลไม่ต้องกู้ยืมเพิ่ม หรือมีเงินเหลือใช้หนี้ เป็นเป้าหมายเชิงอุดมคติที่พยายามรักษาวินัยทางการคลัง แต่ในทางปฏิบัติทำได้ยาก
ภาพประกอบถุงเงินสามใบที่มีป้าย deficit surplus และ balanced พร้อมลูกศรแสดงการไหลของเงิน

สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการขาดดุลงบประมาณ

การที่งบประมาณขาดดุลไม่ได้เกิดขึ้นแบบสุ่มสี่สุ่มห้า แต่มาจากปัจจัยหลายอย่าง ทั้งสภาพเศรษฐกิจโดยรวมและการตัดสินใจทางนโยบายของรัฐบาล ซึ่งเชื่อมโยงกันอย่างแนบแน่น

ปัจจัยทางเศรษฐกิจ

  • เศรษฐกิจชะลอตัวหรือวิกฤตการณ์เศรษฐกิจ: เวลาเศรษฐกิจไม่คึกคัก การผลิตและการใช้จ่ายของคนลดลง รัฐบาลจึงเก็บภาษีได้น้อยกว่าเดิม โดยเฉพาะภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีนิติบุคคล ซึ่งเป็นเส้นเลือดใหญ่ของรายได้รัฐ
  • การว่างงานที่สูงขึ้น: เมื่อคนตกงานมากขึ้น จำนวนผู้เสียภาษีก็ลดลงตามไปด้วย และรัฐอาจต้องทุ่มเงินช่วยเหลือ เช่น สวัสดิการสำหรับผู้ว่างงาน เพิ่มภาระใช้จ่ายอีก
  • การลดลงของ GDP: ถ้าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศเติบโตช้าหรือติดลบ รายได้รวมของชาติก็หดตัว ส่งผลให้รัฐเก็บภาษีได้ยากขึ้น โดยรวมแล้วเป็นวงจรที่ทำให้คลังขาดทุน

นโยบายการคลังของรัฐบาล

  • การเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐ: รัฐบาลบางครั้งต้องขยายงบเพื่อโครงการใหญ่ๆ เช่น สร้างรถไฟฟ้า ท่าเรือ หรือถนน เพื่อช่วยให้เศรษฐกิจเดินหน้า หรือโครงการช่วยเหลือสังคมอย่างบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและเงินอุดหนุนเด็ก
  • การลดภาษี: เพื่อกระตุ้นให้คนและธุรกิจใช้เงินมากขึ้น รัฐอาจลดภาษีชั่วคราว แต่ในทางกลับกัน รายได้รัฐก็ลดลงทันที สร้างช่องว่างใหม่
  • การใช้จ่ายเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์: อย่างเช่นในช่วงโควิด-19 หรือภัยพิบัติ รัฐต้องทุ่มงบมหาศาลเพื่อช่วยประชาชนและซ่อมแซมความเสียหาย ซึ่งจำเป็นแต่ก็เพิ่มการขาดดุล

ผลกระทบของการขาดดุลงบประมาณต่อเศรษฐกิจไทย

เรื่องงบประมาณขาดดุลส่งผลทั้งด้านดีและร้ายต่อเศรษฐกิจไทย โดยขึ้นอยู่กับว่าจัดการอย่างไร เราจึงต้องมองให้รอบด้านเพื่อประเมินให้ถูก

ผลกระทบเชิงบวก

  • การกระตุ้นเศรษฐกิจ: ในยามที่เศรษฐกิจซบเซา การใช้เงินเกินตัวเพื่อเพิ่มการใช้จ่ายของรัฐช่วยจุดประกายความต้องการสินค้า สร้างงานจ้าง และให้เศรษฐกิจหมุนเวียนได้ดีขึ้น
  • การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน: เงินส่วนนี้เอาไปสร้างระบบขนส่ง พลังงาน หรือเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งในระยะยาวจะช่วยให้ไทยแข่งขันได้ดีกว่าเดิม และสร้างรายได้กลับคืน
  • การสร้างงานและลดการว่างงาน: โครงการรัฐขนาดใหญ่จากงบขาดดุลเปิดโอกาสงานให้คนจำนวนมาก ช่วยให้ครอบครัวมีรายได้และลดปัญหาสังคม

ผลกระทบเชิงลบที่ต้องระวัง

  • การเพิ่มขึ้นของ หนี้สาธารณะ: ชัดเจนที่สุดคือรัฐต้องกู้เพิ่ม สะสมหนี้สาธารณะให้พอกพูน ซึ่งกลายเป็นภาระให้ลูกหลานต้องแบก
  • ภาระดอกเบี้ย: หนี้เยอะขึ้นหมายถึงเงินงบส่วนใหญ่ต้องไปจ่ายดอกเบี้ย ทิ้งน้อยไว้สำหรับพัฒนาอย่างอื่น
  • ความเสี่ยง เงินเฟ้อ: ถ้าการใช้จ่ายล้นเกินจนคนต้องการซื้อมากกว่าที่ผลิตได้ ราคาอาจพุ่งสูง ธนาคารแห่งประเทศไทยจึงต้องเข้ามาควบคุมเพื่อรักษาเสถียรภาพ
  • การเบียดบังเงินทุนภาคเอกชน (Crowding Out Effect): รัฐกู้เยอะทำให้ตลาดเงินตึงตัว อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ธุรกิจเอกชนกู้ยากและลงทุนน้อยลง ส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมชะงัก

ผลกระทบต่อประชาชนและภาคธุรกิจในประเทศไทย

สำหรับคนไทยทั่วไปและธุรกิจในประเทศ ผลจากงบขาดดุลจะโผล่มาหลายทางที่สัมผัสได้จริง

  • ภาระ ภาษี ในอนาคต: ถ้าขาดดุลสะสม รัฐอาจต้องขึ้นภาษี เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม เพื่อเติมช่องว่าง ส่งผลให้ค่าครองชีพแพงขึ้นและธุรกิจต้นทุนสูง
  • ค่าครองชีพ ที่สูงขึ้น: ถ้าเงินเฟ้อตามมา สินค้าทุกอย่างราคาขึ้น กำลังซื้อของคนลดลงทันที
  • การลดลงของ บริการสาธารณะ: ระยะยาว ถ้าหนี้กดทับ รัฐอาจตัดงบด้านการศึกษา สุขภาพ หรือบำรุงถนน ทำให้คุณภาพชีวิตตกต่ำ
  • ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ: ขาดดุลยาวนานสร้างความกังวลให้นักลงทุน ลดการไหลเวียนของเงินลงทุน ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยเติบโตช้าลงในที่สุด

รัฐบาลจัดการการขาดดุลงบประมาณอย่างไรในประเทศไทย?

รัฐบาลไทยมีระบบและวิธีการจัดการงบขาดดุลอย่างเป็นขั้นตอน เพื่อให้คลังมั่นคงและประเทศเดินหน้าต่อไปได้

แหล่งเงินทุนในการชดเชยการขาดดุล

พอเกิดช่องว่าง รัฐต้องหาเงินมาปิด โดยใช้วิธีหลักๆ เหล่านี้

  • การ กู้ยืม จากแหล่งภายในประเทศ: ทางเลือกหลักคือออกพันธบัตรรัฐบาลขายให้ธนาคาร กองทุน หรือประชาชน
  • การ กู้ยืม จากแหล่งภายนอกประเทศ: เช่น จากธนาคารโลก ธนาคารพัฒนาเอเชีย หรือออกพันธบัตรต่างประเทศ
  • เงินคงคลัง: ใช้เงินสำรองที่เก็บไว้ล่วงหน้าเพื่อช่วยเหลือในยามจำเป็น

มาตรการและกลยุทธ์ของรัฐบาลไทย

กระทรวงการคลังและสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะมีหน้าที่หลักในการดูแลหนี้และวางนโยบาย เพื่อลดช่องว่างในระยะยาว โดยมีแนวทางเช่น

  • การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้: ปรับระบบภาษีให้ดีขึ้น ปิดช่องโหว่เลี่ยงภาษี และช่วยเศรษฐกิจเติบโตเพื่อขยายฐานรายได้
  • การทบทวนและปรับลดรายจ่าย: ตรวจสอบโครงการที่สิ้นเปลืองหรือไร้ประโยชน์ แล้วตัดออกเพื่อประหยัด
  • การบริหาร หนี้สาธารณะ อย่างมีวินัย: วางแผนกู้และชำระให้เหมาะสม ควบคุมให้หนี้ต่อ GDP อยู่ในระดับปลอดภัย
  • การใช้จ่ายเพื่อการลงทุน: เน้นโครงการที่ให้ผลตอบแทนยาวๆ เช่น คมนาคม เทคโนโลยี และพัฒนาคน สอดคล้องกับแผนพัฒนาชาติ

บทสรุป: ความสำคัญของการเฝ้าระวังงบประมาณขาดดุล

งบประมาณขาดดุลเป็นเครื่องมือที่รัฐบาลทั่วโลก รวมถึงไทย ใช้จัดการเศรษฐกิจ โดยเฉพาะตอนต้องการเร่งการเติบโตหรือรับมือวิกฤต แต่ถ้าขาดดุลมากหรือนานเกิน อาจก่อหนี้พะเนิน เงินเฟ้อ และปัญหาให้ประชาชนแบกในวันหน้า

การดูแลเรื่องนี้จึงต้องรอบคอบ มีวินัย และเปิดเผย โดยคำนึงถึงผลดีต่อชาติและคนทั้งหมด การเข้าใจถูกต้องจะช่วยให้เราติดตามนโยบายรัฐได้ดีขึ้น สร้างฐานให้เศรษฐกิจไทยยั่งยืนต่อไป

คำถามที่พบบ่อย (FAQs) เกี่ยวกับงบประมาณขาดดุล

งบประมาณไม่สมดุล หมายถึงอะไร และแตกต่างจากงบประมาณขาดดุลอย่างไร?

งบประมาณไม่สมดุล (Unbalanced Budget) เป็นคำที่ใช้เรียกสถานการณ์ที่งบประมาณไม่เป็นกลาง ซึ่งรวมถึงทั้งงบประมาณขาดดุลและงบประมาณเกินดุล กล่าวคือ ไม่ใช่สถานการณ์ที่รายรับเท่ากับรายจ่าย ส่วนงบประมาณขาดดุลเป็นส่วนหนึ่งของงบประมาณไม่สมดุล โดยเน้นย้ำเฉพาะกรณีที่รายจ่ายสูงกว่ารายรับเท่านั้น

งบประมาณเกินดุลและงบประมาณขาดดุล มีข้อดีและข้อเสียต่างกันอย่างไรสำหรับประเทศไทย?

งบประมาณเกินดุล:

  • ข้อดี: แสดงถึงวินัยทางการคลังที่แข็งแกร่ง, สามารถนำเงินไปชำระหนี้สาธารณะ หรือสะสมเป็นทุนสำรองเพื่อใช้ในอนาคต ทำให้ประเทศมีภูมิคุ้มกันทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น
  • ข้อเสีย: อาจบ่งชี้ว่ารัฐบาลจัดเก็บภาษีสูงเกินไป หรือใช้จ่ายน้อยเกินไป ซึ่งอาจทำให้เศรษฐกิจเติบโตช้าลง หรือขาดการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น

งบประมาณขาดดุล:

  • ข้อดี: สามารถใช้เป็นเครื่องมือกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงภาวะถดถอย, สร้างงาน, และลงทุนในโครงการสำคัญเพื่อการพัฒนาประเทศในระยะยาว
  • ข้อเสีย: นำไปสู่การเพิ่มขึ้นของหนี้สาธารณะ, ภาระดอกเบี้ยที่สูงขึ้น, และความเสี่ยงต่อภาวะเงินเฟ้อ รวมถึงอาจส่งผลให้เกิดการเบียดบังเงินทุนภาคเอกชน

การขาดดุลงบประมาณส่งผลกระทบต่อหนี้สาธารณะของไทยอย่างไรบ้าง?

เมื่อรัฐบาลมีงบประมาณขาดดุล รัฐบาลจำเป็นต้องกู้ยืมเงินเพื่อชดเชยส่วนที่ขาดไป การกู้ยืมนี้จะทำให้หนี้สาธารณะของประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้นโดยตรง หากการขาดดุลเกิดขึ้นต่อเนื่อง หนี้สาธารณะก็จะสะสมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งนำไปสู่ภาระในการชำระคืนต้นเงินและดอกเบี้ยที่มากขึ้นในอนาคต อาจส่งผลกระทบต่อความสามารถของรัฐบาลในการใช้จ่ายเพื่อพัฒนาประเทศในด้านอื่นๆ

รัฐบาลไทยมีมาตรการอะไรบ้างในการบริหารจัดการหรือลดการขาดดุลงบประมาณ?

รัฐบาลไทยใช้หลายมาตรการในการจัดการ ได้แก่:

  • การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้: เช่น การปฏิรูปภาษี, การใช้เทคโนโลยีช่วยในการจัดเก็บ, การขยายฐานภาษี
  • การทบทวนและปรับลดรายจ่าย: การตัดลดโครงการที่ไม่จำเป็น, การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายภาครัฐ
  • การบริหารหนี้สาธารณะ: การวางแผนการกู้ยืมให้เหมาะสมกับความสามารถในการชำระคืน, การปรับโครงสร้างหนี้เพื่อลดภาระดอกเบี้ย
  • การส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ: เพื่อให้เศรษฐกิจขยายตัวและเพิ่มรายได้จากการจัดเก็บภาษีในระยะยาว

ในฐานะประชาชนทั่วไป เราจะได้รับผลกระทบอย่างไรหากรัฐบาลมีงบประมาณขาดดุลต่อเนื่อง?

หากรัฐบาลมีงบประมาณขาดดุลต่อเนื่อง ประชาชนอาจได้รับผลกระทบดังนี้:

  • การขึ้นภาษี: รัฐบาลอาจจำเป็นต้องขึ้นภาษีในอนาคตเพื่อชดเชยการขาดดุล ทำให้ค่าใช้จ่ายของประชาชนเพิ่มขึ้น
  • ค่าครองชีพสูงขึ้น: หากการขาดดุลนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อ สินค้าและบริการจะมีราคาสูงขึ้น ทำให้กำลังซื้อของประชาชนลดลง
  • บริการสาธารณะลดลง: รัฐบาลอาจต้องลดการลงทุนหรือคุณภาพของบริการสาธารณะ เช่น การศึกษา สาธารณสุข โครงสร้างพื้นฐาน หากมีภาระหนี้สูงมาก
  • ความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ: ความไม่แน่นอนจากการบริหารการคลังอาจส่งผลกระทบต่อการลงทุนและการสร้างงานในประเทศ

การขาดดุลการคลัง (Fiscal Deficit) แตกต่างจากการขาดดุลงบประมาณทั่วไปหรือไม่?

โดยทั่วไปแล้ว คำว่า “การขาดดุลการคลัง” และ “การขาดดุลงบประมาณ” มักใช้สลับกันได้และมีความหมายคล้ายคลึงกัน คือสถานการณ์ที่รายจ่ายของรัฐบาลสูงกว่ารายได้ที่จัดเก็บได้ แต่ในบางบริบท การขาดดุลการคลังอาจหมายถึงการขาดดุลของภาครัฐทั้งหมด ซึ่งรวมถึงรัฐวิสาหกิจและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้วย ไม่ใช่แค่เฉพาะงบประมาณของรัฐบาลกลางเพียงอย่างเดียว

หากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ รัฐบาลไทยควรใช้งบประมาณขาดดุลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่?

ในสถานการณ์วิกฤตเศรษฐกิจ การใช้งบประมาณขาดดุลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจมักเป็นมาตรการที่จำเป็นและเหมาะสม รัฐบาลสามารถเพิ่มการใช้จ่ายเพื่อช่วยเหลือประชาชน เยียวยาธุรกิจ และลงทุนในโครงการต่างๆ เพื่อสร้างงานและฟื้นฟูเศรษฐกิจ การกระทำเช่นนี้สามารถป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะตกต่ำที่รุนแรงกว่าเดิมได้ อย่างไรก็ตาม ต้องทำด้วยความรอบคอบ มีเป้าหมายชัดเจน และมีแผนการบริหารหนี้ในระยะยาว

เราสามารถติดตามข้อมูลการขาดดุลงบประมาณของประเทศไทยได้จากแหล่งใดบ้าง?

ประชาชนสามารถติดตามข้อมูลเกี่ยวกับการขาดดุลงบประมาณของประเทศไทยได้จากแหล่งข้อมูลทางการที่น่าเชื่อถือ เช่น:

  • เว็บไซต์ของกระทรวงการคลัง (www.mof.go.th)
  • เว็บไซต์ของสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (www.pdmo.go.th)
  • เว็บไซต์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (www.bot.or.th)
  • รายงานเศรษฐกิจประจำเดือน/ไตรมาสจากหน่วยงานภาครัฐ

การขาดดุลงบประมาณจะนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อในไทยเสมอไปหรือไม่?

ไม่เสมอไป การขาดดุลงบประมาณอาจนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อได้ หากรัฐบาลใช้จ่ายเงินจำนวนมากเกินไปจนเกิดอุปสงค์ในระบบเศรษฐกิจสูงกว่ากำลังการผลิต หรือหากรัฐบาลจำเป็นต้องกู้ยืมจากธนาคารกลางโดยตรง (ซึ่งทำได้ยากในปัจจุบัน) อย่างไรก็ตาม หากการขาดดุลนั้นเกิดจากการลงทุนที่เพิ่มผลผลิตในระยะยาว หรือเกิดขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจมีกำลังการผลิตเหลืออยู่มาก ก็อาจไม่นำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อโดยตรง ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยมีบทบาทสำคัญในการควบคุมเงินเฟ้อผ่านนโยบายการเงิน

“งบประมาณแบบมีวงเงินขาดดุล” ที่กล่าวถึงในการแถลงข่าวรัฐบาลไทย หมายความว่าอย่างไร?

คำว่า “งบประมาณแบบมีวงเงินขาดดุล” หรือ “การตั้งงบประมาณแบบขาดดุล” หมายถึง การที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายการใช้จ่ายให้สูงกว่ารายได้ที่คาดว่าจะจัดเก็บได้ตั้งแต่แรกเริ่มของการจัดทำงบประมาณ โดยมีเจตนาที่จะใช้เงินกู้ยืมเพื่อชดเชยส่วนที่ขาดดุลนั้น มักทำเพื่อวัตถุประสงค์ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือเพื่อลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ที่ต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก ซึ่งสะท้อนถึงนโยบายการคลังแบบขยายตัว (Expansionary Fiscal Policy)

發佈留言