สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ทั้งซับซ้อนและทรงพลัง แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงไม่น้อย การเข้าใจให้ลึกซึ้งจึงจำเป็นมากสำหรับนักลงทุนทุกประเภท โดยเฉพาะผู้เริ่มต้นที่กำลังมองหาโอกาสในตลาดนี้ บทความนี้จะพาคุณสำรวจนิยาม หลักการทำงาน ข้อดี ข้อเสียของสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พร้อมแนะนำตลาด TFEX ซึ่งเป็นตลาดอนุพันธ์หลักในไทย และเคล็ดลับที่เป็นประโยชน์สำหรับนักลงทุนชาวไทย

สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures Contract) คืออะไร? นิยามและหลักการเบื้องต้น
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าคือข้อตกลงที่กำหนดมาตรฐานระหว่างคู่สัญญาสองฝ่าย เพื่อซื้อหรือขายสินทรัพย์อ้างอิงในเวลาอนาคตที่ชัดเจน ในราคาที่ตกลงกันล่วงหน้าแล้ว สัญญาแบบนี้จัดเป็นเครื่องมืออนุพันธ์ที่มูลค่าขึ้นอยู่กับสินทรัพย์หลักที่มันอ้างถึง

จุดสำคัญของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าคือการผูกมัดกันล่วงหน้า โดยผู้ซื้อและผู้ขายไม่ต้องแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ทันที แต่จะทำตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในสัญญาเมื่อถึงเวลานั้น ทำให้มันแตกต่างจากการซื้อขายในตลาดปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง

ในไทย สัญญาซื้อขายล่วงหน้ามีการซื้อขายผ่านตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแห่งประเทศไทย หรือ TFEX ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและยุติธรรมในการทำธุรกรรมทุกครั้ง
กลไกการทำงานของสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (How Futures Contracts Work)
องค์ประกอบสำคัญของสัญญา Futures
สัญญาซื้อขายล่วงหน้ามีส่วนประกอบพื้นฐานที่นักลงทุนควรรู้จักให้ชัดเจน เช่น:
- สินค้าอ้างอิง (Underlying Asset): สินทรัพย์ที่สัญญาอ้างถึง อาจเป็นดัชนีหุ้นอย่าง SET50 Index ทองคำ น้ำมัน สกุลเงินต่างประเทศ หรือสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ
- ขนาดสัญญา (Contract Size): กำหนดปริมาณสินทรัพย์อ้างอิงต่อสัญญาหนึ่ง เช่น SET50 Index Futures หนึ่งสัญญาอาจเท่ากับดัชนี SET50 คูณ 200 บาท
- ราคาซื้อขาย (Futures Price): ราคาที่ตกลงกันสำหรับการซื้อขายสินทรัพย์อ้างอิงในอนาคต
- วันหมดอายุ (Expiration Date): วันสุดท้ายที่ซื้อขายสัญญาได้ และเป็นวันที่ต้องชำระหรือส่งมอบ
- วิธีการส่งมอบ (Delivery Method): ใน TFEX ส่วนใหญ่ใช้การชำระด้วยเงินสด ไม่ใช่ส่งมอบสินค้าจริง
ผู้เล่นหลักในตลาด Futures (Market Participants)
ผู้เข้าร่วมในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าสามารถแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่สองกลุ่ม:
- ผู้ป้องกันความเสี่ยง (Hedgers): ใช้สัญญานี้เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของราคาสินทรัพย์ที่ถืออยู่หรือคาดว่าจะต้องจัดการในอนาคต เช่น ผู้ส่งออกที่ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือธุรกิจที่ล็อกราคาน้ำมันเพื่อป้องกันราคาพุ่ง
- ผู้เก็งกำไร (Speculators): ใช้สัญญาเพื่อหาผลกำไรจากการคาดเดาทิศทางราคา โดยอาศัยเลเวอเรจเพื่อเพิ่มผลตอบแทน แต่ก็ต้องรับมือกับความเสี่ยงที่ขยายใหญ่ตามไปด้วย
วัตถุประสงค์และประโยชน์ของการลงทุนใน Futures
การป้องกันความเสี่ยง (Hedging)
การป้องกันความเสี่ยงคือจุดมุ่งหมายหลักที่ทำให้ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเกิดขึ้น สัญญาเหล่านี้ช่วยให้ธุรกิจหรือบุคคลล็อคราคาสำหรับอนาคตได้ ทำให้การวางแผนต้นทุนหรือรายได้แม่นยำยิ่งขึ้น
ตัวอย่างในบริบทไทย: บริษัทที่นำเข้าเครื่องจักรจากญี่ปุ่นอาจกังวลว่าค่าเงินเยนจะแข็งขึ้นในอีกสามเดือน ทำให้ต้นทุนพุ่ง บริษัทจึงซื้อสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าที่อ้างถึงเงินเยน เพื่อล็อกอัตราแลกเปลี่ยนไว้ล่วงหน้า ช่วยควบคุมต้นทุนและลดผลกระทบจากความผันผวนของค่าเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดการความเสี่ยงในธุรกิจ ลองดูบทความจาก ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยง
การเก็งกำไร (Speculation)
สำหรับนักลงทุนที่มองหาผลกำไรจากการคาดการณ์ราคาสินทรัพย์อ้างอิง สัญญาซื้อขายล่วงหน้าสามารถใช้ในการเก็งกำไรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ข้อดีคือใช้เงินทุนเริ่มต้นน้อยกว่าการซื้อสินทรัพย์จริง ด้วยเลเวอเรจที่สูง ถ้าคาดการณ์ถูกต้อง ผลตอบแทนจะเพิ่มพูนอย่างรวดเร็ว แต่ถ้าผิดพลาด ขาดทุนก็จะขยายตัวเช่นกัน
การเพิ่มประสิทธิภาพพอร์ตการลงทุน (Portfolio Enhancement)
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าสามารถนำมาใช้ในพอร์ตการลงทุนเพื่อเป้าหมายหลากหลาย เช่น กระจายความเสี่ยง เพิ่มสภาพคล่อง หรือสร้างผลตอบแทนพิเศษผ่านกลยุทธ์ขั้นสูง ซึ่งช่วยให้พอร์ตโดยรวมมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สัญญาซื้อขายล่วงหน้า vs. Option: ความแตกต่างที่สำคัญ
ทั้งสัญญาซื้อขายล่วงหน้าและออปชั่นเป็นเครื่องมืออนุพันธ์ยอดนิยม แต่มีพื้นฐานที่ต่างกันอย่างชัดเจน ดังที่แสดงในตารางเปรียบเทียบด้านล่าง:
| คุณสมบัติ | สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures) | ออปชั่น (Options) |
|---|---|---|
| ลักษณะ | สัญญาผูกมัดให้ต้องซื้อ/ขายสินทรัพย์อ้างอิง | สิทธิในการซื้อ/ขายสินทรัพย์อ้างอิง แต่ไม่มีภาระผูกพัน |
| ภาระผูกพัน | ผู้ซื้อและผู้ขายมีภาระผูกพันต้องปฏิบัติตามสัญญาเมื่อครบกำหนด | ผู้ซื้อมีสิทธิแต่ไม่มีภาระผูกพัน ผู้ขายมีภาระผูกพันหากผู้ซื้อใช้สิทธิ |
| ความเสี่ยงสูงสุด | ไม่จำกัด (ทั้งกำไรและขาดทุน) | ผู้ซื้อ: สูงสุดคือ Premium ที่จ่ายไป ผู้ขาย: ไม่จำกัด (ขาดทุนได้มากกว่า Premium ที่ได้รับ) |
| เงินลงทุนเริ่มต้น | หลักประกัน (Margin) | Premium (สำหรับผู้ซื้อ) / หลักประกัน (สำหรับผู้ขาย) |
| ความยืดหยุ่น | น้อยกว่า (ต้องดำเนินการตามสัญญา) | มากกว่า (สามารถเลือกใช้สิทธิหรือไม่ใช้ก็ได้) |
จากความแตกต่างเหล่านี้ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าจึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการป้องกันความเสี่ยงหรือเก็งกำไรอย่างมั่นใจในทิศทางราคา ขณะที่ออปชั่นให้ความยืดหยุ่นมากกว่าและจำกัดความเสี่ยงสำหรับผู้ซื้อ
TFEX: ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของประเทศไทย
TFEX หรือ Thailand Futures Exchange คือตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของไทย ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2549 โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เพื่อเป็นศูนย์กลางสำหรับผลิตภัณฑ์อนุพันธ์ และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.)
บทบาทของ TFEX:
- เป็นแพลตฟอร์มการซื้อขายผลิตภัณฑ์อนุพันธ์ที่ได้มาตรฐานและโปร่งใส
- ให้บริการการชำระราคาและส่งมอบที่เชื่อถือได้
- ให้ข้อมูลและส่งเสริมความรู้แก่นักลงทุน
- กำกับดูแลสมาชิกและนักลงทุนให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ
สินค้าอ้างอิงที่ซื้อขายใน TFEX:
TFEX มีผลิตภัณฑ์หลากหลายที่อ้างอิงสินทรัพย์ต่างๆ เช่น:
- SET50 Index Futures & Options: อ้างอิงดัชนี SET50 ซึ่งรวมหุ้น 50 บริษัทใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์
- Gold Futures: อ้างอิงราคาทองคำ ทั้งแบบทองคำแท่ง (Gold Futures) และทองคำบริสุทธิ์ (10 Baht Gold Futures & 50 Baht Gold Futures)
- Oil Futures: อ้างอิงราคาน้ำมันดิบ (Brent Crude Oil Futures)
- Currency Futures: อ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินหลัก เช่น USD/THB Futures, EUR/THB Futures, JPY/THB Futures
- Single Stock Futures: อ้างอิงหุ้นรายตัว
- Interest Rate Futures: อ้างอิงอัตราดอกเบี้ย
TFEX ช่วยให้นักลงทุนไทยเข้าถึงผลิตภัณฑ์อนุพันธ์สำหรับป้องกันความเสี่ยงและเก็งกำไรได้สะดวก หากสนใจรายละเอียดผลิตภัณฑ์และกฎระเบียบ สามารถดูได้จาก เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ TFEX
เริ่มต้นซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าใน TFEX (How to Start Trading Futures in TFEX)
ขั้นตอนการเปิดบัญชี Futures
การเริ่มซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าใน TFEX ไม่ยุ่งยากมากนัก ขั้นตอนหลักๆ มีดังนี้:
- เลือกโบรกเกอร์ (Broker): หาบริษัทหลักทรัพย์ที่ได้รับอนุญาตจาก กลต. และเป็นสมาชิก TFEX ควรพิจารณาค่าธรรมเนียม ระบบเทรด บริการลูกค้า และการวิเคราะห์
- เตรียมเอกสาร: คล้ายกับเปิดบัญชีหุ้น เช่น บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน เอกสารรายได้ สมุดบัญชีธนาคาร
- ยื่นเอกสารและเปิดบัญชี: กรอกใบสมัครและส่งเอกสารให้โบรกเกอร์ ซึ่งจะอนุมัติและแจ้งเลขบัญชี
- วางหลักประกัน: โอนเงินเข้าบัญชีตามที่โบรกเกอร์กำหนด เพื่อเริ่มเทรด
ทำความเข้าใจหลักประกัน (Margin)
การเทรดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าต้องวางหลักประกันเพื่อรับประกันความเสี่ยง
- หลักประกันขั้นต้น (Initial Margin): เงินเริ่มต้นที่ต้องวางเพื่อเปิดสถานะ
- หลักประกันรักษาสภาพ (Maintenance Margin): ระดับต่ำสุดที่ต้องรักษา หากต่ำกว่านี้จะถูกเรียกเพิ่ม
- การเรียกหลักประกันเพิ่ม (Margin Call): ถ้าหลักประกันต่ำกว่า Maintenance Margin โบรกเกอร์จะแจ้งให้เติมเงินถึง Initial Margin ถ้าไม่ทำ โบรกเกอร์อาจปิดสถานะโดย forceful เพื่อป้องกันความเสียหาย
การจัดการหลักประกันอย่างดีช่วยหลีกเลี่ยงการถูกปิดสถานะและควบคุมความเสี่ยงได้
การส่งคำสั่งซื้อขาย (Placing Orders)
นักลงทุนสามารถเลือกประเภทคำสั่งได้หลายแบบ:
- Market Order: ซื้อขายทันทีที่ราคาตลาดปัจจุบัน
- Limit Order: ซื้อขายที่ราคาที่กำหนดหรือดีกว่า
- Stop Order: ใช้จำกัดขาดทุนหรือล็อกกำไร โดยกลายเป็น Market Order เมื่อราคาถึงจุดที่ตั้ง
ความเสี่ยงและข้อควรระวังในการลงทุน Futures (Risks & Precautions)
ถึงแม้จะมีประโยชน์มาก แต่การลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าก็มีความเสี่ยงสูงที่ต้องระวัง
ความเสี่ยงด้านราคา (Price Risk)
ราคาสินทรัพย์อ้างอิงอาจผันผวนรุนแรงและรวดเร็ว ถ้าทิศทางไม่เป็นไปตามคาด ขาดทุนอาจเกิดขึ้นมาก
ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง (Liquidity Risk)
สำหรับสัญญาที่ปริมาณซื้อขายน้อย การเปิดหรือปิดสถานะอาจลำบาก และต้องทำที่ราคาไม่ดีนัก ซึ่งนำไปสู่ความเสียหาย
ความเสี่ยงจาก Leverage (Leverage Risk)
เลเวอเรจที่เป็นจุดเด่นของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าก็สามารถขยายขาดทุนให้ใหญ่โตหลายเท่าจากทุนเริ่มต้น
ข้อควรระวังสำหรับนักลงทุนไทย (Thai Investor Precautions)
นักลงทุนไทยควรใส่ใจเรื่องเหล่านี้เป็นพิเศษ:
- แพลตฟอร์มที่ไม่ได้รับอนุญาต: ระวังการชักจูงลงทุนในแพลตฟอร์ม Futures หรือ Forex ที่ไม่อยู่ภายใต้ กลต. หรือ TFEX อาจเป็นการหลอกลวง
- การศึกษาที่ไม่เพียงพอ: ถ้าลงทุนโดยไม่เข้าใจกลไก ความเสี่ยง และสินค้าอ้างอิง อาจตัดสินใจผิดพลาด
- ความเสี่ยงจากโบรกเกอร์: เลือกโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือและมั่นคงทางการเงิน เพื่อลดความเสี่ยงจากปัญหาของโบรกเกอร์
กลต. มักออกประกาศเตือนการหลอกลวง นักลงทุนควรตรวจสอบข้อมูลให้ดี ดูคำเตือนจาก กลต. เกี่ยวกับการหลอกลวงลงทุน
คำแนะนำสำหรับมือใหม่ก่อนเริ่มเทรด Futures ในประเทศไทย (Tips for Thai Beginners Before Trading Futures)
หากคุณเป็นมือใหม่ที่สนใจตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในไทย ลองทำตามคำแนะนำเหล่านี้เพื่อเริ่มต้นอย่างมั่นใจ:
- เริ่มต้นด้วยการศึกษาให้ดี: ศึกษาทุกด้านของสัญญาซื้อขายล่วงหน้า กลไกตลาด และความเสี่ยง ก่อนลงทุนจริง เพื่อสร้างฐานความรู้ที่แข็งแกร่ง
- ทำความเข้าใจสินค้าอ้างอิง: เรียนรู้พฤติกรรมของสินค้าที่สนใจ เช่น ดัชนีหุ้น ทองคำ หรือน้ำมัน เพื่อคาดการณ์ได้ดีขึ้น
- บริหารจัดการเงินทุนและวางแผนความเสี่ยง: กำหนดขีดจำกัดขาดทุนที่ยอมรับได้ และยึดแผนการเงินอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการสูญเสียใหญ่
- เริ่มต้นด้วยขนาดสัญญาเล็กๆ: ถ้ายังไม่ชิน เริ่มด้วยปริมาณน้อยเพื่อฝึกฝนและสะสมประสบการณ์
- เลือกโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือและมีบริการที่ดี: โบรกเกอร์ที่ดีควรมีระบบเทรดมั่นคง บทวิเคราะห์有用 และบริการที่ให้คำปรึกษาได้
- ใช้บัญชีจำลอง (Demo Account): TFEX และโบรกเกอร์หลายแห่งมีบัญชีทดลอง ช่วยให้ฝึกเทรดโดยไม่เสี่ยงเงินจริง
- มีวินัยและควบคุมอารมณ์: เทรดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าต้องมีวินัยยึดแผน และไม่ปล่อยให้อารมณ์อย่างกลัวหรือโลภครอบงำ
สรุป: สัญญาซื้อขายล่วงหน้า โอกาสและความท้าทาย
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเป็นเครื่องมือที่นำโอกาสผลตอบแทนสูงมาสู่ผู้ลงทุน แต่ก็ท้าทายด้วยความเสี่ยงที่มากไม่แพ้กัน สำหรับนักลงทุนไทย TFEX คือทางเลือกที่เข้าถึงง่ายและปลอดภัยภายใต้การกำกับดูแล
ความสำเร็จในการเทรดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าไม่ได้มาจากการเดาทิศทางตลาดเท่านั้น แต่ต้องอาศัยความรู้ลึก การบริหารความเสี่ยงดี และวินัยที่เหนียวแน่น บทความนี้หวังว่าจะเป็นคู่มือที่ช่วยให้มือใหม่เข้าใจและตัดสินใจลงทุนอย่างรอบคอบ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (FAQ)
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเหมาะกับนักลงทุนประเภทไหนในประเทศไทย?
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเหมาะกับนักลงทุนที่มีความเข้าใจในตลาดทุนเป็นอย่างดี สามารถยอมรับความเสี่ยงได้สูง และมีเวลาติดตามข่าวสารและสภาวะตลาดอย่างสม่ำเสมอ ทั้งผู้ที่ต้องการป้องกันความเสี่ยง (Hedging) และผู้ที่ต้องการเก็งกำไร (Speculation) จากการเปลี่ยนแปลงของราคาสินทรัพย์อ้างอิง
การเทรด Futures ต้องใช้เงินเริ่มต้นเท่าไหร่ และมีค่าธรรมเนียมอะไรบ้าง?
เงินเริ่มต้นที่ใช้ในการเทรด Futures คือหลักประกันขั้นต้น (Initial Margin) ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามประเภทของสัญญาและโบรกเกอร์ โดยปกติจะคิดเป็นสัดส่วนเล็กน้อยของมูลค่าสัญญาเต็ม ค่าธรรมเนียมหลักๆ ได้แก่ ค่าคอมมิชชั่นของโบรกเกอร์ และค่าธรรมเนียมการซื้อขายที่เรียกเก็บโดย TFEX และสำนักหักบัญชี
ถ้าขาดทุนจากการเทรด Futures จะถูกเรียกหลักประกันเพิ่ม (Margin Call) เมื่อไหร่?
คุณจะถูกเรียกหลักประกันเพิ่ม (Margin Call) เมื่อมูลค่าเงินในบัญชีหลักประกันของคุณลดลงต่ำกว่าระดับหลักประกันรักษาสภาพ (Maintenance Margin) ที่โบรกเกอร์กำหนด โบรกเกอร์จะแจ้งให้คุณนำเงินมาวางเพิ่มให้ถึงระดับหลักประกันขั้นต้น (Initial Margin) ภายในระยะเวลาที่กำหนด
สัญญาซื้อขายล่วงหน้ามีวันหมดอายุ หากไม่ปิดสถานะจะเป็นอย่างไร?
หากคุณไม่ปิดสถานะสัญญาซื้อขายล่วงหน้าก่อนวันหมดอายุ สัญญาจะถูกชำระราคาโดยอัตโนมัติ (Cash Settlement) ตามราคาที่กำหนด ณ วันสุดท้ายของการซื้อขาย โดยกำไรหรือขาดทุนจะถูกบันทึกเข้าสู่บัญชีของคุณ ซึ่งในบางกรณีอาจไม่ใช่ราคาที่คุณต้องการหากไม่ได้มีการวางแผนไว้ล่วงหน้า
การลงทุนใน Futures ในประเทศไทย มีข้อจำกัดหรือกฎระเบียบพิเศษที่ควรทราบหรือไม่?
การลงทุนใน Futures ในประเทศไทยอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ กลต. และ TFEX มีกฎระเบียบที่เข้มงวดเพื่อคุ้มครองนักลงทุน นักลงทุนควรซื้อขายผ่านโบรกเกอร์ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น และควรทำความเข้าใจกฎเกณฑ์เกี่ยวกับหลักประกัน ระยะเวลาการซื้อขาย และประเภทของสัญญาที่สามารถซื้อขายได้
มีวิธีฝึกเทรด Futures โดยไม่ใช้เงินจริงก่อนเริ่มลงทุนจริงไหม?
มีครับ โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ที่ให้บริการใน TFEX มักจะมีบริการบัญชีจำลอง (Demo Account) หรือโปรแกรมจำลองการซื้อขาย ซึ่งช่วยให้นักลงทุนมือใหม่สามารถฝึกฝนการส่งคำสั่งซื้อขาย ทำความเข้าใจระบบ และทดลองกลยุทธ์ต่างๆ ได้โดยไม่ต้องใช้เงินจริง
จะเลือกโบรกเกอร์ (Broker) สำหรับซื้อขาย Futures ใน TFEX อย่างไรให้ปลอดภัยและน่าเชื่อถือ?
ควรเลือกโบรกเกอร์ที่เป็นสมาชิกของ TFEX และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ กลต. พิจารณาจาก:
- ค่าธรรมเนียมที่สมเหตุสมผล
- ระบบเทรดที่เสถียรและใช้งานง่าย
- บริการลูกค้าและการให้คำปรึกษา
- บทวิเคราะห์และเครื่องมือช่วยเทรด
- ความมั่นคงทางการเงินของโบรกเกอร์
ทำไมนักลงทุนบางคนถึงมองว่า Futures เป็นการพนัน? ควรทำความเข้าใจอย่างไร?
การที่นักลงทุนบางคนมองว่า Futures เป็นการพนัน อาจเป็นเพราะลักษณะของอัตราทด (Leverage) ที่ทำให้สามารถสร้างกำไรหรือขาดทุนจำนวนมากได้ในเวลาอันสั้น อย่างไรก็ตาม Futures เป็นเครื่องมือทางการเงินที่มีกลไกและวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน ทั้งการป้องกันความเสี่ยงและการเก็งกำไร หากลงทุนด้วยความรู้ แผนการ และวินัย ก็ไม่ใช่การพนัน แต่เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง
ผลกำไรจากการเทรด Futures ต้องเสียภาษีอย่างไรในประเทศไทย?
ผลกำไรจากการเทรด Futures ใน TFEX จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ยังคงต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลหากเป็นการซื้อขายในนามบริษัท อย่างไรก็ตาม กฎระเบียบด้านภาษีอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีหรือตรวจสอบข้อมูลจากกรมสรรพากรเพื่อความถูกต้องล่าสุด
การเทรด Futures มีช่วงเวลาซื้อขาย (Trading Hours) อย่างไรในตลาด TFEX?
ช่วงเวลาซื้อขายของ Futures ใน TFEX จะแตกต่างกันไปตามประเภทของสินค้าอ้างอิง โดยทั่วไปจะมีรอบเช้าและรอบบ่าย และบางสัญญา เช่น Gold Futures หรือ Oil Futures อาจมีรอบกลางคืนด้วย เพื่อให้นักลงทุนสามารถตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวของตลาดโลกได้ ควรตรวจสอบช่วงเวลาซื้อขายที่แน่นอนจากเว็บไซต์ของ TFEX หรือโบรกเกอร์ของคุณ