ค่าสเปรด คืออะไร? คู่มือฉบับสมบูรณ์ที่เทรดเดอร์ต้องรู้เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มกำไร

สรุปข่าวฟอเร็กซ์

บทนำ: ทำไมค่าสเปรดจึงสำคัญต่อการเทรด?

เมื่อคุณก้าวเข้าสู่โลกของการลงทุนและการเทรด ไม่ว่าจะเป็นตลาด Forex หรือสินทรัพย์อื่นๆ อีกมากมาย คำว่า “ค่าสเปรด” คือสิ่งที่ทุกคนควรทำความเข้าใจให้ลึกซึ้ง เพราะมันมีบทบาทสำคัญต่อต้นทุนและผลตอบแทนที่คุณจะได้รับจากการเทรด ค่าสเปรดไม่ใช่แค่ตัวเลขเล็กน้อยที่ปรากฏบนหน้าจอเท่านั้น แต่เป็นกลไกหลักที่โบรกเกอร์นำมาใช้ในการดำเนินงาน และกลายเป็นค่าใช้จ่ายหลักที่เทรดเดอร์ต้องเผชิญ บทความนี้จะพาคุณสำรวจทุกมุมมองของค่าสเปรด ตั้งแต่ความหมายพื้นฐาน ประเภทต่างๆ ปัจจัยที่ทำให้มันเปลี่ยนแปลง ไปจนถึงวิธีจัดการเพื่อให้การเทรดของคุณมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ภาพประกอบเทรดเดอร์กำลังวิเคราะห์แผนภูมิการเงิน โดยเน้นค่าสเปรดที่ส่งผลต่อต้นทุนและกำไรในการเทรด

ค่าสเปรดคืออะไร? ความหมายและหลักการพื้นฐาน

ค่าสเปรดหมายถึงส่วนต่างระหว่างราคา Bid ซึ่งเป็นราคาที่ใช้ในการซื้อ และราคา Ask ซึ่งเป็นราคาที่ใช้ในการขาย สำหรับคู่สกุลเงินหรือสินทรัพย์ในตลาดการเงิน ลองนึกภาพง่ายๆ เมื่อคุณอยากซื้อ สินทรัพย์นั้นจะมีราคา Ask ที่สูงกว่าราคา Bid ซึ่งเป็นราคาที่คุณจะได้ถ้าขายออกทันที ส่วนต่างตรงนี้แหละที่เรียกว่าค่าสเปรด

กลไกนี้เกิดจากสภาพคล่องในตลาดและหน้าที่ของโบรกเกอร์ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงผู้ซื้อกับผู้ขาย โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ใช้ค่าสเปรดเป็นแหล่งรายได้หลัก ถ้าตลาดมีสภาพคล่องดี มีผู้เข้าร่วมจำนวนมาก ค่าสเปรดก็จะแคบลงเพราะโบรกเกอร์จัดการคำสั่งได้ง่ายและเสี่ยงน้อย แต่ถ้าสภาพคล่องต่ำ ค่าสเปรดก็จะกว้างขึ้นเพื่อชดเชยความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น

ภาพประกอบราคา Bid และ Ask แสดงเป็นเส้นสองเส้นบนกราฟ โดยมีช่องว่างระหว่างกันเพื่อแสดงสภาพคล่องของตลาด

การคำนวณค่าสเปรด: ทำความเข้าใจหน่วย Pip/Point

ในการเทรด Forex ค่าสเปรดมักวัดด้วยหน่วย Pip หรือ Percentage in Point ซึ่งเป็นหน่วยเล็กสุดของการเปลี่ยนแปลงราคาสำหรับคู่สกุลเงินส่วนใหญ่ สำหรับคู่หลักอย่าง EUR/USD หนึ่ง Pip เท่ากับ 0.0001 หรือตำแหน่งทศนิยมที่สี่ แต่สำหรับคู่ที่มี JPY อย่าง USD/JPY จะเป็น 0.01 หรือตำแหน่งที่สอง ส่วน Point นั้นเล็กกว่า โดย 1 Pip เท่ากับ 10 Point

ตัวอย่างเช่น ถ้าคู่ EUR/USD มีราคา Bid ที่ 1.12500 และ Ask ที่ 1.12515 ค่าสเปรดคือ 1.12515 ลบ 1.12500 เท่ากับ 0.00015 หรือ 1.5 Pip และ 15 Point นั่นหมายความว่าถ้าคุณเปิดออเดอร์ซื้อ คุณจะขาดทุนตั้งแต่แรก 1.5 Pip จนกว่าราคาจะเคลื่อนไปในทางที่คาดหวัง ซึ่งช่วยให้เห็นว่าค่าสเปรดส่งผลต่อกำไรทันทีอย่างไร

ภาพประกอบแผนภูมิการเงินที่ขยายใหญ่เพื่อเน้นหน่วยราคาเล็กๆ อย่าง Pip และ Point พร้อมเครื่องคิดเลขสำหรับคำนวณสเปรด

ประเภทของสเปรด: คงที่ vs. ลอยตัว (Fixed vs. Floating Spread)

โบรกเกอร์ Forex มักนำเสนอค่าสเปรดสองแบบหลักๆ ที่เทรดเดอร์สามารถเลือกได้ แต่ละแบบมีจุดเด่น จุดด้อย และเหมาะกับรูปแบบการเทรดที่ต่างกันออกไป

  • สเปรดคงที่ (Fixed Spread):
    • ความหมาย: ค่าสเปรดที่คงตัว ไม่ผันผวนตามสภาวะตลาดหรือความเคลื่อนไหวใดๆ
    • ข้อดี: ช่วยให้คาดการณ์ต้นทุนได้ชัดเจน เหมาะกับมือใหม่หรือคนที่ชอบความมั่นคงในการคำนวณกำไรขาดทุน
    • ข้อเสีย: มักสูงกว่าสเปรดลอยตัวเล็กน้อยเพื่อให้โบรกเกอร์ครอบคลุมความเสี่ยง และในช่วงตลาดวุ่นวายมาก อาจเกิดการปฏิเสธออเดอร์หรือ Requotes
    • เหมาะสำหรับ: การเทรดแบบถือยาวหรือ Swing Trading ที่ต้องการความแน่นอน
  • สเปรดลอยตัว (Floating Spread) หรือ สเปรดผันแปร (Variable Spread):
    • ความหมาย: ค่าสเปรดที่ปรับตัวตามตลาด โดยเฉพาะสภาพคล่องและความผันผวน
    • ข้อดี: ในช่วงตลาดราบเรียบ สเปรดอาจแคบมาก ช่วยประหยัดสำหรับคนเทรดบ่อยหรือ Scalping
    • ข้อเสีย: อาจขยายกว้างทันทีในช่วงข่าวใหญ่หรือสภาพคล่องต่ำ ทำให้ต้นทุนพุ่ง
    • เหมาะสำหรับ: เทรดเดอร์เก่งๆ ที่ทำ Scalping หรือ Day Trading และรับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้

นอกจากนี้ บางโบรกเกอร์ยังมีบัญชี Raw Spread หรือ Zero Spread ที่สเปรดต่ำหรือแทบไม่มี แต่คิดค่าคอมมิชชั่นแทน ซึ่งเป็นตัวเลือกดีสำหรับคนอยากได้สเปรดแข่งขัน

ปัจจัยที่มีผลต่อค่าสเปรด: เมื่อไรที่สเปรดจะกว้างขึ้นหรือแคบลง?

สำหรับสเปรดลอยตัว ค่าเหล่านี้ไม่ได้นิ่งสนิท มีหลายสิ่งที่ทำให้มันแคบหรือกว้าง การรู้จักปัจจัยพวกนี้จะช่วยให้คุณวางแผนเทรดได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในตลาดที่คาดเดาไม่ได้

  • สภาพคล่องของตลาด (Market Liquidity):
    • สภาพคล่องสูงจากผู้ซื้อขายมากมาย ทำให้สเปรดแคบ เช่น คู่หลักอย่าง EUR/USD หรือ GBP/USD
    • สภาพคล่องต่ำจากผู้เข้าร่วมน้อย ทำให้สเปรดกว้าง เช่น คู่รองหรือ Exotic Pairs
    • คุณสามารถศึกษาสภาพคล่องเพิ่มเติมจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เช่น Investopedia
  • ความผันผวนของตลาด (Market Volatility):
    • ช่วงข่าวใหญ่ เช่น Non-Farm Payrolls หรือประชุม FOMC สเปรดจะกว้างเพราะความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้น
    • ตลาดสงบ สเปรดก็แคบตาม
  • ช่วงเวลาทำการของตลาด (Market Trading Hours):
    • แคบที่สุดตอนตลาดหลักทับซ้อน เช่น ลอนดอนกับนิวยอร์ก ที่ปริมาณเทรดสูง
    • กว้างขึ้นตอนเปิด-ปิดตลาด หรือ rollover และวันหยุด
  • ประเภทของสินทรัพย์ (Asset Type):
    • Forex: คู่หลักแคบสุด
    • ทองคำ (Gold): กว้างกว่าเพราะผันผวนและคล่องน้อย
    • น้ำมัน (Oil): ผันผวนตามข่าวโลก
    • หุ้น (Stocks) และคริปโต (Cryptocurrency): แตกต่างตามสินทรัพย์และแพลตฟอร์ม
  • โบรกเกอร์ผู้ให้บริการ (Broker Type):
    • ECN/STP: สเปรดแคบเพราะเชื่อมตรงกับผู้ให้คล่อง
    • Market Maker: กว้างกว่าแต่เสถียร

สเปรดกับการเลือกโบรกเกอร์: ไม่ใช่แค่ “ต่ำ” แต่ต้อง “เหมาะสม”

สำหรับเทรดเดอร์ไทย การหาโบรกเกอร์ที่ใช่คือก้าวสำคัญ และค่าสเปรดเป็นแค่ส่วนหนึ่งในการตัดสินใจ ไม่ใช่แค่เลือกที่ต่ำสุด แต่ต้องตรงกับสไตล์เทรด งบ และความต้องการของคุณ เพื่อให้การเทรดยั่งยืน

สิ่งที่ควรพิจารณานอกเหนือจากค่าสเปรด:

  • ความน่าเชื่อถือและการกำกับดูแล: ตรวจใบอนุญาตจาก FCA, ASIC หรือ CySEC เพื่อความปลอดภัยเงินทุน
  • ความเร็วในการดำเนินการ (Execution Speed): ช้าอาจทำให้พลาดโอกาสหรือ Slippage โดยเฉพาะ Scalping
  • ค่าธรรมเนียมอื่น ๆ: คอมมิชชั่น, Swap, ฝาก-ถอน
  • แพลตฟอร์มการเทรด: MT4/MT5 ใช้งานง่าย มีเครื่องมือครบ
  • ช่องทางการฝาก/ถอนเงินสำหรับเทรดเดอร์ไทย: รองรับธนาคารไทยหรือ E-wallets
  • การบริการลูกค้า: มีภาษาไทย ติดต่อได้ 24/7

การประเมินสเปรดของโบรกเกอร์: อย่าดูแค่ตัวเลขโฆษณา แต่เช็คสเปรดเฉลี่ยในตลาดปกติและสูงสุดตอนข่าว โบรกเกอร์อย่าง Exness หรือ XM แข่งขันเรื่องนี้ดี สามารถเช็คจากรีวิวหรือ Pantip

กลยุทธ์การจัดการสเปรดเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มกำไร

การจัดการค่าสเปรดให้ดีคือกุญแจสู่การลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มกำไร ลองนำกลยุทธ์เหล่านี้ไปปรับใช้เพื่อให้เทรดของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น

  • เลือกคู่สกุลเงินหรือสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง: คู่หลักอย่าง EUR/USD หรือ USD/JPY มีสเปรดแคบ ช่วยประหยัดกว่าคู่รองหรือทองคำ
  • หลีกเลี่ยงช่วงเวลาที่ตลาดผันผวนสูง: อย่าเปิด-ปิดตอนข่าวใหญ่หรือหัว-ท้ายเซสชั่น เพราะสเปรดอาจพุ่ง
  • พิจารณาใช้บัญชี ECN/Raw Spread: สำหรับเทรดบ่อย สเปรดต่ำแต่มีคอมมิชชั่นอาจคุ้มกว่าบัญชีมาตรฐาน
  • ใช้เครื่องมือวิเคราะห์เพื่อตรวจสอบสเปรดแบบเรียลไทม์: MT4/5 ช่วยดูสเปรดสดๆ บันทึกข้อมูลเพื่อเข้าใจแพทเทิร์น
  • วางแผนการเทรดล่วงหน้า: ถ้ารู้ข่าวใหญ่ วางแผนเทรดก่อนหรือหลังเพื่อเลี่ยงสเปรดผิดปกติ
  • เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดการความเสี่ยง: สเปรดเป็นส่วนของ risk management ศึกษาจาก FXTM Education เพื่อความครอบคลุม

สเปรดในสินทรัพย์อื่นๆ: ไม่ใช่แค่ Forex

แม้ค่าสเปรดจะถูกพูดถึงบ่อยใน Forex แต่หลักการนี้ใช้ได้กับสินทรัพย์อื่นที่เทรดผ่านโบรกเกอร์ แค่รายละเอียดอาจต่างกันบ้าง

  • ทองคำ (Gold) และโลหะมีค่าอื่นๆ: XAU/USD มีสเปรดกว้างเพราะผันผวนสูงและคล่องต่างจาก Forex ราคาเคลื่อนแรง โบรกเกอร์เลยตั้งสูงเพื่อป้องกัน
  • น้ำมัน (Oil) และสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ: WTI หรือ Brent กว้างและ敏感ต่อข่าวภูมิรัฐศาสตร์หรืออุปสงค์
  • หุ้น (Stocks) และดัชนี (Indices): สเปรดคือ Bid-Ask difference แตกต่างตามคล่องของหุ้นหรือดัชนี
  • คริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency): ผ่าน CFD หรือ exchange มีสเปรดผันผวนสูงเพราะตลาดเปลี่ยนเร็ว คล่องไม่สม่ำเสมอ

การรู้ความต่างของสเปรดในแต่ละสินทรัพย์ช่วยให้เลือกสิ่งที่ตรงสไตล์และความเสี่ยงที่ยอมรับได้

สรุป: สเปรดคือเพื่อนและศัตรูของเทรดเดอร์

ค่าสเปรดคือทั้งพันธมิตรและคู่แข่งของเทรดเดอร์ มันช่วยให้ตลาดไหลลื่นและโบรกเกอร์ให้บริการได้ แต่ก็เป็นต้นทุนที่ต้องจ่ายทุกออเดอร์ การเข้าใจลึกซึ้ง ไม่ว่าจะความหมาย ประเภท ปัจจัย และวิธีจัดการ จะช่วยเลือกโบรกเกอร์ วางแผนเทรด ลดต้นทุน และเพิ่มกำไรใน Forex หรือสินทรัพย์อื่นๆ อย่างยั่งยืน อย่าหยุดเรียนรู้และปรับกลยุทธ์เสมอ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับค่าสเปรด (FAQs)

ค่าสเปรดที่ “ต่ำ” หรือ “สูง” ดีกว่ากันในการเทรด Forex?

โดยทั่วไปแล้ว ค่าสเปรดที่ต่ำกว่าจะดีกว่าสำหรับเทรดเดอร์ เนื่องจากหมายถึงต้นทุนการเทรดที่น้อยลงต่อการเปิดและปิดคำสั่ง แต่ก็ไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ต้องพิจารณา โบรกเกอร์ที่มีสเปรดต่ำมากอาจมีค่าคอมมิชชั่นสูง หรือมีข้อเสียในด้านอื่น ๆ เช่น ความเร็วในการดำเนินการหรือความน่าเชื่อถือ ดังนั้น การเลือกโบรกเกอร์ควรคำนึงถึงความสมดุลระหว่างสเปรดต่ำและความน่าเชื่อถือโดยรวมของโบรกเกอร์นั้น ๆ

ทำไมค่าสเปรดถึงเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา? และเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเมื่อไรสเปรดจะกว้างขึ้น?

ค่าสเปรดประเภทลอยตัวเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาตามสภาวะตลาด ปัจจัยหลักคือสภาพคล่องและความผันผวนของตลาด สเปรดมักจะกว้างขึ้นในช่วงเวลาที่มีสภาพคล่องต่ำ (เช่น ช่วงเปลี่ยนผ่านของวันทำการ, วันหยุดสุดสัปดาห์) และช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง (เช่น การประกาศข่าวเศรษฐกิจสำคัญ, เหตุการณ์ทางการเมือง) คุณสามารถตรวจสอบปฏิทินเศรษฐกิจเพื่อคาดการณ์ช่วงเวลาที่มีข่าวสำคัญ และสังเกตสเปรดบนแพลตฟอร์ม MetaTrader ของคุณแบบเรียลไทม์เพื่อดูการเปลี่ยนแปลง

โบรกเกอร์ Exness และ XM มีค่าสเปรดทองคำ (Gold Spread) แตกต่างกันอย่างไร?

Exness และ XM เป็นโบรกเกอร์ยอดนิยมในประเทศไทย และทั้งคู่ก็เสนอการเทรดทองคำ (XAU/USD) ค่าสเปรดทองคำของทั้งสองโบรกเกอร์อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทบัญชีที่คุณเลือก สภาวะตลาดในขณะนั้น และโปรโมชั่นที่โบรกเกอร์เสนอ โดยทั่วไปแล้ว บัญชี Raw Spread ของ Exness มักจะเสนอสเปรดทองคำที่แคบมากพร้อมค่าคอมมิชชั่น ในขณะที่ XM อาจมีสเปรดทองคำที่กว้างกว่าเล็กน้อยในบัญชี Standard แต่ไม่มีค่าคอมมิชชั่น เทรดเดอร์ควรตรวจสอบสเปรดล่าสุดบนเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มของแต่ละโบรกเกอร์เพื่อเปรียบเทียบอย่างละเอียด

นอกจากค่าสเปรดแล้ว เทรดเดอร์ไทยควรพิจารณาค่าธรรมเนียมอะไรอีกบ้างในการเลือกโบรกเกอร์?

นอกเหนือจากค่าสเปรดแล้ว เทรดเดอร์ไทยควรพิจารณาค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ดังนี้:

  • ค่าคอมมิชชั่น: สำหรับบัญชีประเภท ECN หรือ Raw Spread
  • ค่า Swap/Rollover: ค่าธรรมเนียมการถือครองคำสั่งข้ามคืน
  • ค่าธรรมเนียมการฝาก/ถอน: บางโบรกเกอร์อาจมีค่าธรรมเนียมสำหรับการฝากหรือถอนเงิน โดยเฉพาะช่องทางที่ไม่ใช่ธนาคารในประเทศ
  • ค่าธรรมเนียมการไม่ใช้งานบัญชี (Inactivity Fee): หากไม่ได้เทรดเป็นระยะเวลานาน

การทำความเข้าใจค่าธรรมเนียมทั้งหมดจะช่วยให้คุณคำนวณต้นทุนการเทรดรวมได้อย่างถูกต้อง

ค่าสเปรดคงที่ (Fixed Spread) เหมาะกับการเทรดแบบไหน และมีข้อควรระวังอะไรบ้าง?

สเปรดคงที่เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการความแน่นอนในการคำนวณต้นทุนการเทรด เช่น เทรดเดอร์มือใหม่ หรือผู้ที่เน้นการเทรดระยะกลางถึงยาว (Swing Trading) ที่ไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากการเปลี่ยนแปลงสเปรดเล็กน้อย ข้อควรระวังคือ โบรกเกอร์ที่ให้สเปรดคงที่มักจะมีสเปรดที่สูงกว่าสเปรดลอยตัวเล็กน้อย และอาจมีการปฏิเสธคำสั่ง (Requotes) เกิดขึ้นบ่อยครั้งในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูงมาก ๆ ซึ่งอาจทำให้คุณพลาดโอกาสหรือได้ราคาที่ไม่ต้องการ

มีวิธีดูค่าสเปรดแบบเรียลไทม์บนแพลตฟอร์ม MetaTrader 4/5 อย่างไร?

คุณสามารถดูค่าสเปรดแบบเรียลไทม์บน MetaTrader 4 (MT4) หรือ MetaTrader 5 (MT5) ได้ดังนี้:

  1. เปิดหน้าต่าง “Market Watch” (สามารถกด Ctrl+M หรือไปที่ View -> Market Watch)
  2. คลิกขวาที่พื้นที่ว่างในหน้าต่าง Market Watch
  3. เลือก “Spread” (สำหรับ MT4) หรือ “Spread (in points)” (สำหรับ MT5)

คุณจะเห็นคอลัมน์ใหม่ที่แสดงค่าสเปรดของคู่สกุลเงินแต่ละคู่ในหน่วย Point ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงไปตามสภาวะตลาด

หากต้องการเทรดในช่วงที่มีข่าวสำคัญ ค่าสเปรดจะได้รับผลกระทบอย่างไร และควรเตรียมตัวอย่างไร?

ในช่วงที่มีข่าวสำคัญ ค่าสเปรดมักจะขยายตัวกว้างขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง เนื่องจากความผันผวนของตลาดที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล และสภาพคล่องอาจลดลงชั่วขณะ หากต้องการเทรดในช่วงดังกล่าว ควรเตรียมตัวดังนี้:

  • หลีกเลี่ยงหากไม่จำเป็น: สำหรับมือใหม่ ควรหลีกเลี่ยงการเทรดในช่วงข่าวก่อนและหลังการประกาศ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากสเปรดที่กว้างและ Slippage
  • ลดขนาดล็อต: หากตัดสินใจเทรด ให้ลดขนาดล็อตลงเพื่อลดความเสี่ยง
  • ตั้ง Stop Loss และ Take Profit: ตั้งไว้ล่วงหน้าเพื่อจัดการความเสี่ยง แต่พึงระวังว่า Slippage อาจทำให้ Stop Loss ถูกกระตุ้นในราคาที่ไม่คาดคิด
  • ตรวจสอบสเปรดเรียลไทม์: เฝ้าดูสเปรดอย่างใกล้ชิดก่อนและหลังข่าว
  • พิจารณาโบรกเกอร์ ECN: โบรกเกอร์ ECN อาจให้สเปรดที่แคบกว่าแม้ในช่วงข่าว แต่ก็ยังคงมีความผันผวนสูงอยู่ดี

發佈留言