ธนาคารในอเมริกา มีอะไรบ้าง: 7 ธนาคารยักษ์ใหญ่ที่คนไทยควรรู้ก่อนไปใช้ชีวิตในสหรัฐฯ

อัปเดตหุ้นอเมริกา

การทำความเข้าใจระบบธนาคารในสหรัฐอเมริกา ถือเป็นเรื่องพื้นฐานที่คนไทยทุกคนควรทราบ ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นักลงทุน หรือใครที่กำลังวางแผนย้ายไปอยู่อาศัยที่นั่น การเลือกธนาคารที่ตรงใจและรู้วิธีทำธุรกรรมทางการเงิน จะช่วยให้คุณจัดการเงินทองได้อย่างคล่องตัวและปลอดภัยยิ่งขึ้น บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกข้อมูลเกี่ยวกับธนาคารหลักประเภทต่างๆ ในอเมริกา พร้อมเคล็ดลับเฉพาะสำหรับคนไทย ตั้งแต่ขั้นตอนเปิดบัญชีไปจนถึงการส่งเงินข้ามประเทศ

ภาพประกอบคนไทยทำความเข้าใจระบบธนาคารสหรัฐอเมริกาเพื่อการจัดการการเงินที่ราบรื่นและปลอดภัย

บทนำ: ทำไมคนไทยถึงควรทำความรู้จักธนาคารในอเมริกา?

สำหรับคนไทยหลายคนที่เดินทางไปสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะเพื่อเรียนต่อ ทำงาน ท่องเที่ยว หรือลงทุน มักต้องเผชิญกับความท้าทายในการจัดการเรื่องเงิน การรู้จักระบบธนาคารที่นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ช่วยให้คุณเข้าถึงบริการที่จำเป็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการรับเงินเดือน จ่ายบิลต่างๆ ส่งเงินกลับบ้าน หรือสร้างประวัติเครดิตเพื่อใช้ในอนาคต บทความนี้จะนำเสนอภาพรวมที่ชัดเจนเกี่ยวกับธนาคารอเมริกา พร้อมคำแนะนำที่ช่วยให้คนไทยเลือกใช้บริการได้อย่างชาญฉลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นชีวิตในต่างแดน

ภาพประกอบคนไทยเดินทางไปสหรัฐอเมริกาจัดการการเงินและเข้าถึงบริการทางการเงินที่จำเป็น

ธนาคารหลักในอเมริกา: แนะนำสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่

ระบบธนาคารในสหรัฐอเมริกามีความหลากหลายและแข็งแกร่ง โดยมีธนาคารพาณิชย์รายใหญ่หลายแห่งที่ครอบคลุมบริการทั่วประเทศ การทำความรู้จักกับสถาบันเหล่านี้ จะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกได้ง่ายขึ้น โดยพิจารณาจากความต้องการส่วนตัว เช่น ความสะดวกในการเข้าถึงสาขาหรือบริการดิจิทัล

ภาพประกอบระบบธนาคารสหรัฐอเมริกาที่หลากหลายพร้อมธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่นำเสนอตัวเลือกต่างๆ สำหรับลูกค้า

JPMorgan Chase (เจพีมอร์แกน เชส)

ถือเป็นหนึ่งในธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ด้วยสินทรัพย์มหาศาลและเครือข่ายสาขาที่แผ่ขยายทั่วประเทศ ธนาคารแห่งนี้ให้บริการครบครันทั้งสำหรับบุคคลทั่วไป ธุรกิจขนาดเล็ก และบริษัทใหญ่ๆ จุดเด่นอยู่ที่การนำนวัตกรรมดิจิทัลมาใช้ เช่น แอปพลิเคชันบนมือถือที่ใช้งานสะดวก เหมาะสำหรับคนที่มองหาความมั่นคงและเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการทำธุรกรรมประจำวัน

Bank of America (แบงก์ออฟอเมริกา)

ธนาคารนี้มีสาขาและตู้เอทีเอ็มจำนวนมากที่สุดแห่งหนึ่งทั่วสหรัฐฯ ทำให้เข้าถึงบริการได้ง่ายดาย นอกจากนี้ยังเป็นผู้นำในด้านธนาคารดิจิทัล พร้อมโปรแกรมสะสมแต้มจากบัตรเครดิตที่น่าสนใจ สำหรับคนไทยที่ต้องการความสะดวกทั้งในการไปสาขาและใช้งานออนไลน์ ธนาคารนี้ตอบโจทย์ได้ดี โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยในเมืองใหญ่

Wells Fargo (เวลส์ฟาร์โก)

เป็นธนาคารที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและฐานลูกค้าที่มั่นคง โดยเฉพาะในพื้นที่ทางตะวันตกของอเมริกา บริการครอบคลุมตั้งแต่บัญชีฝากเงิน บัตรเครดิต สินเชื่อ ไปจนถึงการลงทุน แม้ในอดีตจะมีประเด็นด้านการกำกับดูแล แต่ปัจจุบันยังคงเป็นตัวเลือกสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการบริการที่หลากหลายและใกล้ชิด

Citibank (ซิตี้แบงก์)

ด้วยลักษณะที่เป็นธนาคารข้ามชาติที่มีเครือข่ายทั่วโลก Citibank จึงเหมาะสำหรับคนไทยที่ต้องทำธุรกรรมระหว่างประเทศบ่อยๆ ธนาคารนี้มีชื่อเสียงในเรื่องบริการสำหรับลูกค้าต่างด้าวและผู้ที่เดินทางบ่อย โดยมีตัวเลือกที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการโอนเงินข้ามพรมแดน

US Bank (ยูเอสแบงก์)

ธนาคารขนาดใหญ่นี้มุ่งเน้นบริการหลักในภาคตะวันตกและมิดเวสต์ของสหรัฐฯ ด้วยการดูแลลูกค้าที่ใกล้ชิดและผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ครอบคลุมทั้งสำหรับบุคคลและธุรกิจ เหมาะสำหรับคนไทยที่อาศัยในพื้นที่เหล่านี้และต้องการคำปรึกษาส่วนตัว

Capital One (แคปิตอลวัน)

โดดเด่นด้วยธุรกิจบัตรเครดิตและธนาคารดิจิทัล Capital One นำเสนอนวัตกรรมทางการเงินที่เน้นความสะดวกผ่านช่องทางออนไลน์ ทำให้เป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ไม่ชอบไปสาขาและต้องการเทคโนโลยีที่ตอบสนองรวดเร็ว

Goldman Sachs (โกลด์แมน แซคส์) / Morgan Stanley (มอร์แกน สแตนลีย์)

ทั้งสองแห่งนี้เป็นธนาคารเพื่อการลงทุนเป็นหลัก ที่ให้บริการแก่บริษัทและนักลงทุนรายใหญ่ แม้จะมีบริการสำหรับบุคคลทั่วไปบ้าง แต่ไม่ใช่ตัวเลือกหลักสำหรับคนไทยที่ต้องการเปิดบัญชีฝากเงินทั่วไป หากสนใจด้านการลงทุนเชิงลึก ค่อยพิจารณาเพิ่มเติม

ประเภทของธนาคารในอเมริกา: เลือกแบบไหนให้เหมาะกับคนไทย?

การเลือกธนาคารที่ใช่ ต้องพิจารณาจากไลฟ์สไตล์และสถานการณ์ของคุณในอเมริกา ระบบธนาคารที่นั่นแบ่งออกเป็นประเภทหลักๆ ที่แต่ละแบบมีจุดเด่นต่างกัน โดยเฉพาะสำหรับคนไทยที่อาจเผชิญข้อจำกัดบางประการ เช่น การไม่มีหมายเลขประกันสังคม

ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ (Large Commercial Banks)

ตัวอย่างเช่น JPMorgan Chase, Bank of America และ Wells Fargo มีข้อดีคือสาขาและตู้เอทีเอ็มกระจายตัวกว้างขวาง บริการหลากหลาย และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย แต่การเปิดบัญชีอาจต้องผ่านเงื่อนไขที่เข้มงวด โดยเฉพาะหากคุณไม่มีประวัติเครดิตหรือ SSN ซึ่งอาจทำให้กระบวนการยุ่งยากกว่าเดิม

ธนาคารท้องถิ่น/ชุมชน (Local/Community Banks)

ธนาคารเหล่านี้มีขนาดเล็กและให้บริการในพื้นที่จำกัด แต่ข้อดีคือความยืดหยุ่นสูงในการเปิดบัญชี โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ไม่มี SSN หรือ ITIN พนักงานมักให้คำปรึกษาที่เป็นกันเองและส่วนตัวมากกว่า อย่างไรก็ตาม เครือข่ายอาจไม่กว้างเท่าธนาคารใหญ่ ทำให้ไม่เหมาะสำหรับการย้ายที่อยู่บ่อยๆ

ธนาคารออนไลน์ (Online Banks)

เช่น Ally Bank, Discover Bank หรือ Capital One ในรูปแบบดิจิทัล ข้อดีชัดเจนคือค่าธรรมเนียมต่ำหรือไม่มีเลย อัตราดอกเบี้ยเงินฝากสูงกว่าเพราะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายกับสาขาจริง เหมาะสำหรับคนไทยที่ชินกับการทำธุรกรรมผ่านแอปและไม่ต้องการไปธนาคารตัวต่อตัว บัญชีเหล่านี้ยังได้รับการคุ้มครองจาก FDIC เช่นเดียวกับธนาคารทั่วไป ทำให้มั่นใจได้ในความปลอดภัย

การเปิดบัญชีธนาคารในอเมริกาสำหรับคนไทย: เอกสารและขั้นตอนที่ต้องรู้

แม้การเปิดบัญชีธนาคารในสหรัฐอเมริกาจะดูซับซ้อนสำหรับคนไทย แต่ถ้าคุณเตรียมตัวดี ก็สามารถดำเนินการได้ไม่ยาก โดยเฉพาะหากเข้าใจเอกสารที่จำเป็นและขั้นตอนต่างๆ ล่วงหน้า ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาและหลีกเลี่ยงความสับสน

เอกสารที่จำเป็น

  • พาสปอร์ต (Passport): เอกสารหลักสำหรับยืนยันตัวตน
  • วีซ่า (Visa): เพื่อแสดงสถานะการอยู่อาศัย เช่น วีซ่านักเรียน F-1, J-1 หรือวีซ่าทำงาน H-1B
  • เอกสารแสดงที่อยู่: เช่น ใบขับขี่สหรัฐฯ (ถ้ามี) บิลค่าสาธารณูปโภค หรือสัญญาเช่าบ้านที่มีชื่อคุณ
  • เอกสารแสดงสถานะ (สำหรับนักเรียน): เช่น I-20 สำหรับวีซ่า F-1 หรือ DS-2019 สำหรับ J-1
  • Social Security Number (SSN) หรือ Individual Taxpayer Identification Number (ITIN): SSN จำเป็นสำหรับหลายธนาคาร โดยเฉพาะเมื่อต้องสร้างเครดิตหรือทำงานถูกกฎหมาย หากไม่มี สามารถยื่นขอ ITIN จาก IRS ซึ่งเป็นหมายเลขภาษีสำหรับชาวต่างชาติ

ขั้นตอนการเปิดบัญชี

  1. เลือกธนาคาร: ศึกษาข้อมูลให้ละเอียดและเลือกที่ตรงกับความต้องการของคุณ เช่น ความสะดวกหรือค่าธรรมเนียม
  2. นัดหมาย: สำหรับบางธนาคาร โดยเฉพาะหากไม่มี SSN ควรนัดล่วงหน้าเพื่อความรวดเร็ว
  3. เตรียมเอกสาร: รวบรวมเอกสารทั้งหมดให้ครบถ้วนก่อนไปสาขา
  4. กรอกแบบฟอร์ม: พนักงานจะช่วยอธิบายและแนะนำการกรอกฟอร์มเปิดบัญชี
  5. ฝากเงินครั้งแรก: มักต้องฝากเงินขั้นต่ำเพื่อเริ่มต้นบัญชี
  6. รับบัตรเดบิต: บัตรจะส่งทางไปรษณีย์ภายใน 7-10 วันทำการ พร้อมรายละเอียดบัญชี เช่น checking account และ savings account

ข้อควรระวังสำหรับผู้ที่ไม่มี Social Security Number (SSN)

สำหรับคนไทยที่ไม่มี SSN ธนาคารหลายแห่ง โดยเฉพาะขนาดใหญ่ อาจมีนโยบายยืดหยุ่นสำหรับนักเรียนต่างชาติหรือผู้เพิ่งมาถึง โดยยอมรับพาสปอร์ต วีซ่า I-20/DS-2019 หรือ ITIN แทน ธนาคารท้องถิ่นและออนไลน์มักเปิดกว้างกว่า แนะนำให้โทรสอบถามเงื่อนไขโดยตรงกับธนาคารเป้าหมาย เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดหวัง

บริการทางการเงินที่คนไทยควรรู้ในอเมริกา

เมื่อเปิดบัญชีธนาคารในอเมริกาเสร็จ คุณจะสามารถใช้บริการหลากหลายที่ช่วยให้ชีวิตประจำวันง่ายขึ้น โดยเฉพาะบริการที่คนไทยมักต้องพึ่งพา เช่น การโอนเงินกลับบ้านหรือการชำระค่าครองชีพ

การโอนเงินระหว่างประเทศ (International Money Transfer)

การส่งเงินจากอเมริกากลับไทยหรือรับเงินจากไทย เป็นเรื่องที่คนไทยในสหรัฐฯ ทำบ่อยๆ มีตัวเลือกหลายแบบที่ช่วยให้สะดวกและประหยัด:

  • ธนาคาร (Wire Transfer): วิธีที่ปลอดภัยสูง แต่ค่าธรรมเนียมแพงและใช้เวลา 2-5 วัน
  • บริการโอนเงินออนไลน์: เช่น Wise (เดิมคือ TransferWise), Revolut, Remitly ซึ่งค่าธรรมเนียมต่ำกว่าและเร็วกว่า โดยเฉพาะสำหรับยอดเงินไม่มาก สามารถรับเงินตรงเข้าบัญชีธนาคารไทย เช่น ธนาคารกรุงเทพหรือกสิกรไทย

บัตรเดบิตและบัตรเครดิต (Debit & Credit Cards)

  • บัตรเดบิต: เชื่อมโยงกับบัญชี checking ใช้จ่าย ถอนเงินจากเอทีเอ็ม หรือชำระบิล โดยเงินหักจากบัญชีทันที เหมาะสำหรับการใช้จ่ายประจำวัน
  • บัตรเครดิต: สำคัญมากสำหรับสร้างเครดิตฮิสตอรี ซึ่งจำเป็นสำหรับเช่าบ้าน ซื้อรถหรือกู้ยืมในอนาคต ช่วงแรกอาจยากหากไม่มี SSN แต่ลองพิจารณา secured credit card ที่ต้องวางเงินมัดจำเพื่อเริ่มต้น

การลงทุนและการออม (Investment & Savings)

ธนาคารอเมริกานำเสนอตัวเลือกการออมและลงทุนที่หลากหลาย ตั้งแต่บัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูง ไปจนถึงกองทุนรวมหรือหุ้น บางแห่งมีบริการที่ปรึกษาการลงทุนสำหรับลูกค้า ซึ่งช่วยให้คนไทยวางแผนทางการเงินระยะยาวได้ดีขึ้น โดยเฉพาะหากคุณสนใจกระจายความเสี่ยง

ข้อควรพิจารณาและข้อผิดพลาดที่พบบ่อยสำหรับคนไทย

เพื่อให้การปรับตัวเข้ากับระบบการเงินอเมริกาได้ราบรื่น การหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดทั่วไปจะช่วยประหยัดปัญหาได้มาก โดยพิจารณาจากวัฒนธรรมและกฎระเบียบที่นั่น

  • อุปสรรคทางภาษา: ถ้าภาษาอังกฤษยังไม่คล่อง ควรพาเพื่อนที่พูดได้มาช่วยแปลตอนไปธนาคาร หรือใช้บริการแปลภาษา
  • ค่าธรรมเนียม: ตรวจสอบให้ละเอียด เช่น ค่าบำรุงรายเดือน ค่าถอนเงินจากเอทีเอ็มต่างธนาคาร หรือค่าธรรมเนียมโอนเงินต่างประเทศ เพื่อหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายแฝง
  • ความปลอดภัยของธนาคารออนไลน์: แม้จะสะดวก แต่ต้องระวังการหลอกลวงออนไลน์ เช่น ฟิชชิ่ง โดยใช้รหัสผ่านที่แข็งแกร่งและตรวจสอบเว็บไซต์เสมอ
  • การสร้างเครดิต: เริ่มต้นตั้งแต่แรกโดยใช้บัตรเครดิตอย่างมีวินัย ชำระเต็มจำนวนและตรงเวลา เพื่อสร้างคะแนนเครดิตที่ดีในระยะยาว

สรุป: เลือกธนาคารอเมริกาที่ใช่ เพื่อชีวิตการเงินที่ราบรื่น

การเลือกธนาคารในสหรัฐอเมริกาที่เหมาะสม จะช่วยให้การจัดการการเงินของคุณในต่างแดนราบรื่นยิ่งขึ้น โดยพิจารณาจากประเภทธนาคาร บริการที่ให้ และความง่ายในการเปิดบัญชีสำหรับคนไทย ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเรียนที่ต้องการความคล่องตัวในการใช้จ่าย พนักงานที่ต้องโอนเงินกลับบ้าน หรือนักลงทุนที่มองหาโอกาสใหม่ๆ ธนาคารที่ใช่จะทำให้ชีวิตในอเมริกามั่นคงและไร้กังวลทางการเงินมากกว่าเดิม

คนไทยที่ไม่มี SSN สามารถเปิดบัญชีธนาคารในอเมริกาได้หรือไม่ มีธนาคารไหนที่แนะนำบ้าง?

ได้แน่นอนสำหรับคนไทยที่ไม่มี SSN ธนาคารขนาดใหญ่อาจยอมรับได้แต่ธนาคารท้องถิ่นหรือออนไลน์มักยืดหยุ่นกว่า โดยใช้เอกสารอื่นๆ เช่น พาสปอร์ต วีซ่า F-1 หรือ J-1 ร่วมกับ I-20/DS-2019 และหลักฐานที่อยู่ ตัวอย่างธนาคารที่รองรับลูกค้าต่างชาติดี เช่น Citibank หรือสาขาบางแห่งของ Bank of America หรือลองธนาคารออนไลน์ที่เปิดบัญชีง่าย

การโอนเงินจากอเมริกากลับไทยใช้เวลานานแค่ไหน และมีค่าธรรมเนียมอย่างไรบ้าง?

ขึ้นอยู่กับวิธีที่เลือกใช้ครับ

  • การโอนผ่านธนาคาร (Wire Transfer): ใช้เวลา 2-5 วันทำการ ค่าธรรมเนียมราว 25-50 ดอลลาร์ต่อครั้ง
  • บริการโอนเงินออนไลน์ (เช่น Wise, Revolut): เร็วกว่า 0-2 วัน ค่าธรรมเนียมต่ำ คิดจากเปอร์เซ็นต์ยอดโอนและอัตราแลกเปลี่ยนดี

ธนาคารไทยในอเมริกามีสาขาให้บริการไหม หรือคนไทยต้องใช้ธนาคารของอเมริกาเท่านั้น?

ธนาคารไทยส่วนใหญ่ไม่มีสาขาสำหรับลูกค้าทั่วไปในสหรัฐอเมริกา ดังนั้นคนไทยมักต้องเปิดบัญชีกับธนาคารอเมริกันเพื่อใช้ชีวิตประจำวัน แต่บางธนาคารไทยอาจมีสำนักงานสำหรับธุรกิจใหญ่ๆ เท่านั้น ไม่ใช่บริการส่วนบุคคล

หากเป็นนักเรียนไทยที่อเมริกา ควรเลือกเปิดบัญชีกับธนาคารประเภทใดดี?

สำหรับนักเรียนไทย แนะนำธนาคารที่มีสาขาใกล้มหาวิทยาลัยหรือเครือข่ายกว้าง เช่น Bank of America หรือ Chase เพราะสะดวกสำหรับถอนเงินและทำธุรกรรม บัญชีนักเรียนมักไม่มีค่าธรรมเนียมรายเดือนและเงื่อนไขผ่อนปรน หรือเลือกธนาคารออนไลน์ถ้าต้องการดอกเบี้ยสูงและค่าธรรมเนียมต่ำ

การใช้บัตรเดบิตหรือบัตรเครดิตของธนาคารอเมริกาในประเทศไทย มีข้อควรระวังอะไรบ้าง?

การใช้บัตรธนาคารอเมริกาในไทย ควรระวังดังนี้

  • ค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงิน: มักคิด 1-3% สำหรับสกุลเงินต่าง
  • ค่าธรรมเนียมการถอนเงินจากตู้ ATM: อาจมีจากทั้งธนาคารคุณและตู้ในไทย
  • อัตราแลกเปลี่ยน: ตรวจสอบให้ดีเพราะอาจต่างจากตลาด
  • การแจ้งธนาคาร: แจ้งล่วงหน้าถ้าเดินทาง เพื่อป้องกันบัตรถูกบล็อก

มีบริการธนาคารออนไลน์ในอเมริกาที่เหมาะสำหรับคนไทยที่ไม่สะดวกเดินทางไปสาขาไหม?

มีหลายตัวเลือก เช่น Ally Bank, Discover Bank หรือ Capital One 360 ที่เปิดบัญชีออนไลน์ง่าย ค่าธรรมเนียมต่ำ ดอกเบี้ยสูง แต่ต้องมีที่อยู่สหรัฐฯ และอาจต้อง SSN หรือ ITIN บางครั้ง เหมาะสำหรับคนไทยที่ชอบความสะดวกดิจิทัล

การเปิดบัญชีร่วมกับคู่สมรสชาวอเมริกาสำหรับคนไทยมีขั้นตอนอย่างไร?

การเปิดบัญชีร่วมกับคู่สมรสอเมริกันง่ายกว่าบัญชีเดี่ยว โดยทั้งคู่ไปธนาคารพร้อมกัน นำเอกสารยืนยันตัวตน (พาสปอร์ต วีซ่าสำหรับคนไทย บัตรประชาชนหรือใบขับขี่สำหรับคู่สมรส) และหลักฐานที่อยู่ หลักฐานแต่งงานอาจไม่จำเป็นเสมอไป แต่คู่สมรสที่มี SSN จะช่วยให้ขั้นตอนราบรื่น

เอกสารประจำตัวใดบ้างที่ธนาคารอเมริกามักยอมรับจากคนไทยนอกเหนือจากพาสปอร์ตและวีซ่า?

นอกจากพาสปอร์ตและวีซ่า ธนาคารมักขอเอกสารเพิ่มเติมเพื่อยืนยันตัวตนและที่อยู่ เช่น

  • ใบขับขี่ของรัฐในสหรัฐฯ (State ID/Driver’s License): ถ้ามี
  • เอกสาร I-20 (สำหรับนักเรียน F-1) หรือ DS-2019 (สำหรับนักเรียน J-1): แสดงสถานะนักเรียน
  • บิลค่าสาธารณูปโภค (Utility Bill): เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ที่มีชื่อและที่อยู่
  • สัญญาเช่าที่พัก (Lease Agreement): ที่ระบุชื่อและที่อยู่
  • Individual Taxpayer Identification Number (ITIN): ถ้ามีแต่ไม่มี SSN

หากต้องการลงทุนในหุ้นธนาคารในอเมริกา คนไทยควรเริ่มจากตรงไหน?

เริ่มด้วยการเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ที่รองรับนักลงทุนต่างชาติ เช่น Charles Schwab International, Interactive Brokers หรือ TD Ameritrade (รวมกับ Schwab แล้ว) ต้องมี SSN หรือ ITIN และกรอกฟอร์ม W-8BEN เพื่อยืนยันสถานะภาษีต่างชาติ ช่วยหลีกเลี่ยงการหักภาษีซ้ำ

มีข้อควรระวังเรื่องภาษีหรือกฎหมายที่คนไทยต้องรู้เมื่อมีบัญชีธนาคารในอเมริกาหรือไม่?

มีประเด็นสำคัญที่ควรทราบ เช่น

  • FATCA (Foreign Account Tax Compliance Act): ธนาคารต้องรายงานข้อมูลบัญชีของชาวต่างชาติ (รวมคนไทย) ให้ IRS ถ้ายอดเกินเกณฑ์
  • การเสียภาษีเงินได้: รายได้จากดอกเบี้ยหรือเงินปันผลในสหรัฐฯ อาจต้องเสียภาษี IRS
  • การรายงานบัญชีต่างประเทศ (FBAR): ถ้าบัญชีต่างประเทศรวมมูลค่าเกิน 10,000 ดอลลาร์ ต้องรายงานต่อกระทรวงการคลังสหรัฐฯ แม้ไม่ใช่พลเมืองอเมริกันแต่มีถิ่นที่ภาษีที่นั่น

แนะนำปรึกษาผู้เชี่ยวชาญภาษีระหว่างประเทศเพื่อข้อมูลที่ถูกต้อง

發佈留言