ทำไมทองขึ้นไม่หยุด? 5 ปัจจัยหลักที่ทำให้ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นและแนวโน้มปี 2567-2568

สรุปข่าวฟอเร็กซ์

บทนำ: ทำไมทองคำถึงกลายเป็นประเด็นร้อน?

ช่วงหลายปีมานี้ ราคาทองคำดูจะทะยานขึ้นไม่หยุดหย่อน สร้างความสงสัยให้หลายคนว่าอะไรกันแน่ที่ทำให้ทองขึ้นแบบนี้ และมีอะไรซ่อนอยู่เบื้องหลัง ทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่ทุกคนรู้จักมานาน กำลังดึงดูดสายตาจากนักลงทุนและคนทั่วไปทั่วโลก รวมถึงในไทยด้วย ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่เต็มไปด้วยความไม่ชัดเจน ความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ และเงินเฟ้อที่ยังคงรุนแรง ทองคำจึงกลับมาสู่บทบาทหลักในฐานะเครื่องมือช่วยรักษาความมั่งคั่งและปกป้องมูลค่าเงิน

Rising gold prices amid global economic uncertainty and inflation as a safe haven asset

ปัจจัยหลักที่ทำให้ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้น

1. ความกังวลด้านเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ

สิ่งที่ผลักดันราคาทองคำให้สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดคือความกังวลเรื่องเงินเฟ้อและเศรษฐกิจโลกที่กำลังชะงักงัน เมื่อค่าครองชีพพุ่งกระฉูดและกำลังซื้อของเงินลดลง นักลงทุนจึงมองหาทองคำเป็นที่พักพิงที่มั่นคง ทองคำมีประวัติศาสตร์ยาวนานในการต่อกรกับเงินเฟ้อ เนื่องจากมูลค่าของมันไม่ผูกติดกับนโยบายรัฐบาลหรือธนาคารกลางเท่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับอุปสงค์-อุปทานระดับโลกและความไว้วางใจในฐานะโลหะ貴หนักที่หายาก

Gold as a stable value store during economic slowdown and high inflation

2. นโยบายการเงินของธนาคารกลาง

การตัดสินใจของธนาคารกลางทั่วโลกมีน้ำหนักมากต่อราคาทองคำ โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย เมื่อธนาคารอย่างเฟดของสหรัฐฯ หรือธนาคารแห่งประเทศไทยลดดอกเบี้ย ต้นทุนการถือทองคำที่ไม่มีผลตอบแทนจากดอกเบี้ยก็ลดลง ทำให้มันดูน่าลงทุนยิ่งขึ้น ที่สำคัญคือ ธนาคารกลางบางแห่ง เช่น ในจีนและอินเดีย กำลังเพิ่มการถือครองทองคำในคลังสำรองเพื่อลดความเสี่ยงจากดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งช่วยหนุนราคาทองคำให้ไต่ระดับต่อเนื่อง รายงานจาก World Gold Council ชี้ชัดว่าธนาคารกลางยังคงเป็นผู้ซื้อสุทธิรายใหญ่ในตลาดทองคำ รายงานจาก World Gold Council

3. ความผันผวนของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ

เนื่องจากทองคำซื้อขายกันด้วยดอลลาร์สหรัฐ การแกว่งไกวของค่าเงินดอลลาร์จึงกระทบราคาทองคำโดยตรง โดยปกติ ถ้าดอลลาร์อ่อนลง ทองคำจะถูกลงสำหรับคนที่ใช้เงินสกุลอื่น ส่งผลให้ความต้องการพุ่งและราคาขึ้นตาม ในทางตรงข้าม ถ้าดอลลาร์แข็ง ทองคำแพงขึ้นสำหรับคนอื่นๆ ความต้องการลดลง ราคาก็อาจร่วง ความสัมพันธ์แบบนี้ที่ตรงข้ามกันเป็นสิ่งที่นักลงทุนต้องเฝ้าดูเสมอ

Central bank policies on interest rates and global gold reserves diversification

4. ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และสงคราม

ความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ สงคราม และความไม่มั่นคงทั่วโลก คือตัวเร่งให้ทองคำกลายเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่ฮอตฮิตที่สุด ในยามวิกฤต เช่น ความตึงเครียดในตะวันออกกลางหรือการปะทะระหว่างชาตินักลงทุนมักเทขายหุ้นหรือสินทรัพย์เสี่ยง แล้วหันมาซื้อทองคำเพื่อถนอมทุน เพราะทองคำไม่ถูกกระทบตรงๆ จากปัญหาของประเทศใด และมักรักษามูลค่าได้ดีช่วงเวลาวุ่นวายแบบนี้

5. อุปสงค์และอุปทานของทองคำ

เหมือนสินค้าอื่นๆ ราคาทองคำขึ้นลงตามหลักอุปสงค์และอุปทาน ความต้องการมาจากหลายทาง เช่น การผลิตเครื่องประดับที่เด่นในจีนและอินเดีย การใช้ในอุตสาหกรรมอย่างอิเล็กทรอนิกส์และทันตกรรม รวมถึงการลงทุนผ่านทองคำแท่ง เหรียญ หรือ ETF ส่วนอุปทานมาจากเหมืองทองทั่วโลกและทองรีไซเคิล ถ้าความต้องการมากกว่าอุปทานมาก ราคาก็พุ่ง นอกจากนี้ การที่ธนาคารกลางหลายแห่งเพิ่มการซื้อทองสำรองก็ยิ่งกระตุ้นความต้องการในตลาดโลกให้สูงขึ้น

เจาะลึกสถานการณ์ทองคำในตลาดไทย: ทำไมคนไทยถึงให้ความสนใจ?

คนไทยมีความผูกพันกับทองคำมาตั้งแต่โบราณ ไม่ว่าจะเป็นทองรูปพรรณสำหรับสวมใส่หรือทองคำแท่งสำหรับออมและลงทุน มันเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมและสื่อถึงความร่ำรวย การที่ราคาทองคำในไทยพุ่งขึ้นไม่หยุด ทำให้คนจำนวนมากหันมาติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด

ราคาทองคำในไทยเชื่อมโยงตรงๆ กับราคาโลก แต่ยังมีปัจจัยอย่างอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์ ถ้าเงินบาทอ่อน ราคาทองในประเทศก็สูงขึ้นแม้ราคาโลกไม่ขยับมาก นอกจากนี้ ตลาดไทยมีเอกลักษณ์ เช่น ร้านทองในเยาวราชที่เป็นจุดรวมใหญ่ และมาตรฐานน้ำหนักทองแบบบาททองคำที่ต่างจากสากลนิดหน่อย

ช่วงที่ราคาทองขึ้นแรงๆ ทำให้มันกลายเป็นเรื่องฮิตในกระทู้ Pantip ที่คนแลกเปลี่ยนมุมมองเรื่องแนวโน้มและวิธีลงทุนอย่างคึกคัก สะท้อนความสนใจของคนไทยต่อสินทรัพย์นี้ชัดเจน

การทำนายแนวโน้มราคาทองคำในปี 2567 และ 2568 นั้นซับซ้อน เพราะขึ้นกับหลายปัจจัยที่เราคุยกันไป ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่เห็นว่ามันยังมีโอกาสขึ้นต่อหรืออย่างน้อยก็ทรงตัวสูง เนื่องจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองโลกยังไม่คลี่คลาย

ถ้าเงินเฟ้อยังสูงและธนาคารกลางเริ่มลดดอกเบี้ยปลายปี 2567 หรือต้น 2568 ปัจจัยเหล่านี้จะยังช่วยให้ทองคำดูน่าลงทุนในฐานะที่หลบภัย อย่างไรก็ตาม ความแกว่งไกวของดอลลาร์และสถานการณ์สงครามหรือขัดแย้งอาจทำให้ราคาผันผวนหนัก ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) มองว่าทองคำยังน่าจับตามองในระยะกลางถึงยาว ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB)

นักวิเคราะห์หลายแห่งคาดว่าราคาอาจทำจุดสูงสุดใหม่ถ้าสถานการณ์โลกยังตึงเครียด แต่การคาดการณ์นี้เป็นแค่ภาพรวม นักลงทุนควรศึกษาละเอียดและจัดการความเสี่ยงให้ดี

ข้อควรพิจารณาสำหรับนักลงทุนไทยเมื่อราคาทองขึ้น

1. ช่องทางการลงทุนทองคำในประเทศไทย

นักลงทุนไทยมีทางเลือกหลากหลายสำหรับการลงทุนทองคำ เพื่อให้ตรงกับเป้าหมายและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้:

  • ทองคำแท่งและทองรูปพรรณ: ซื้อจากร้านทองทั่วไปอย่างหัวเสือหรือออโรร่า ซึ่งเป็นวิธีที่คนไทยคุ้นเคย เหมาะสำหรับคนอยากถือทองจริงๆ
  • บัญชีออมทอง/ทองออนไลน์: บริการจากร้านทองหรือโบรกเกอร์ เช่น Hua Seng Heng Gold Online หรือ Krungsri Gold Online ลงทุนได้ง่ายผ่านแอปหรือเว็บ ไม่ต้องถือทองจริง
  • กองทุนรวมทองคำ (Gold ETF/Gold Fund): ลงทุนผ่านกองทุนที่จัดการทองคำหรือสัญญาล่วงหน้า เหมาะสำหรับคนอยากกระจายเสี่ยงโดยไม่ยุ่งกับการเก็บรักษา
  • สัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำ (Gold Futures): ทางเลือกเสี่ยงสูงแต่ผลตอบแทนดี สำหรับคนมีประสบการณ์และเข้าใจตลาด

2. การบริหารความเสี่ยงในการลงทุนทองคำ

ถึงทองคำจะปลอดภัย แต่การลงทุนก็ยังมีความเสี่ยงที่ต้องระวัง เช่น:

  • ความผันผวนของราคา: ราคาทองคำอาจขึ้นแรงแต่ก็ลงฉับพลันได้
  • ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน: ถ้าเงินบาทแข็งขึ้น กำไรจากทองอาจหายหรือขาดทุน
  • ต้นทุนการเก็บรักษา: ถ้าซื้อทองแท่งหรือรูปพรรณเยอะ ต้องมีที่เก็บปลอดภัยซึ่งมีค่าใช้จ่าย
  • สภาพคล่อง: ทองรูปพรรณอาจขายยากและมีส่วนต่างราคาสูงกว่าทองแท่ง

ควรกระจายการลงทุน ไม่ทุ่มกับทองอย่างเดียว ตั้งเป้าหมายชัดเจน ศึกษาข้อมูลดีๆ และประเมินความเสี่ยงส่วนตัวก่อนลงมือ

สรุป: เข้าใจปัจจัยทองขึ้นเพื่อวางแผนการเงินอย่างชาญฉลาด

ราคาทองคำที่พุ่งสูงในตอนนี้เกิดจากการผสมผสานของปัจจัยเศรษฐกิจโลก เงินเฟ้อ นโยบายธนาคารกลาง ความแกว่งไกวของดอลลาร์ ความไม่แน่นอนทางการเมือง และอุปสงค์-อุปทานระดับโลก สำหรับนักลงทุนไทย การรู้จักปัจจัยเหล่านี้ รวมถึงผลกระทบจากเงินบาทและลักษณะตลาดไทย จะช่วยวางแผนการเงินและตัดสินใจลงทุนได้ฉลาดขึ้น

สำคัญคือต้องติดตามข่าวเศรษฐกิจและการเมืองโลกอย่างสม่ำเสมอ ปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับสถานการณ์และเป้าหมายตัวเอง อย่าลืมว่าทุกการลงทุนมีความเสี่ยง ศึกษาดีๆ และปรึกษาผู้รู้จะช่วยสร้างอนาคตรอบด้านทางการเงินที่มั่นคง

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับราคาทองคำ

1. ทำไมราคาทองคำในประเทศไทยถึงผันผวนบ่อยครั้ง?

ราคาทองคำในประเทศไทยผันผวนบ่อยครั้งเนื่องจากได้รับอิทธิพลจากสองปัจจัยหลักคือ ราคาทองคำโลก (ที่ซื้อขายเป็นดอลลาร์สหรัฐ) และ อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท เทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หากปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ราคาทองคำในประเทศก็จะปรับตามไปด้วย

2. นอกจากสงครามและเงินเฟ้อแล้ว มีปัจจัยใดอีกบ้างที่ส่งผลต่อราคาทองคำในตลาดโลกและไทย?

นอกจาก สงคราม และ เงินเฟ้อ แล้ว ปัจจัยสำคัญอื่นๆ ได้แก่ นโยบายการเงินของธนาคารกลาง (โดยเฉพาะการปรับ อัตราดอกเบี้ย), ความผันผวนของ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ, อุปสงค์และอุปทาน ของทองคำทั่วโลก (เช่น การซื้อของ ธนาคารกลาง และความต้องการ เครื่องประดับ) รวมถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนในภาพรวม

3. คนไทยที่ต้องการลงทุนทองคำ ควรเริ่มต้นจากช่องทางไหนดีที่สุด?

สำหรับคนไทยที่เริ่มต้น การลงทุนทองคำ อาจพิจารณาจาก บัญชีออมทอง หรือการซื้อ ทองคำแท่ง จาก ร้านทอง ที่เชื่อถือได้ ซึ่งเป็นวิธีที่เข้าถึงง่ายและเข้าใจได้ไม่ยาก หรือหากต้องการความสะดวกสบายมากขึ้น อาจพิจารณา กองทุนรวมทองคำ ซึ่งบริหารจัดการโดยผู้เชี่ยวชาญ

4. ราคาทองคำจะไปถึงจุดสูงสุดเท่าไรในปี 2567-2568 และนักลงทุนควรจับตาอะไรเป็นพิเศษ?

การ คาดการณ์ จุดสูงสุดเป็นเรื่องยาก แต่ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่คาดว่า แนวโน้มราคาทองคำ ยังคงอยู่ในระดับสูงในปี 2567-2568 นักลงทุนควรจับตาดูนโยบาย อัตราดอกเบี้ย ของธนาคารกลางสหรัฐฯ, สถานการณ์ เงินเฟ้อ ทั่วโลก, และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะ สงคราม หรือความตึงเครียดในภูมิภาคต่างๆ

5. ซื้อทองรูปพรรณกับทองคำแท่ง อันไหนคุ้มค่ากว่ากันในแง่ของการลงทุนสำหรับคนไทย?

ในแง่ของ การลงทุน ทองคำแท่ง มักจะคุ้มค่ากว่า ทองรูปพรรณ เนื่องจากมีค่ากำเหน็จที่ต่ำกว่ามากและซื้อขายได้ง่ายกว่าด้วยราคาที่อ้างอิงกับราคาทองคำตลาดโลกโดยตรง ส่วน ทองรูปพรรณ จะมีค่ากำเหน็จสูงและมีส่วนต่างราคาซื้อ-ขายที่มากกว่า เหมาะสำหรับการสวมใส่และเป็นของสะสมมากกว่าการลงทุนเพื่อเก็งกำไร

6. หากราคาทองคำขึ้นไม่หยุด คนไทยที่ไม่มีทองควรทำอย่างไร?

หาก ราคาทองคำขึ้น ไม่หยุด คนไทยที่ยังไม่มีทองควรศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบ ไม่ควรซื้อตามกระแสโดยขาดความเข้าใจ ควรพิจารณา เป้าหมายการลงทุน ของตนเองและ กระจายความเสี่ยง ไปยังสินทรัพย์อื่นๆ ด้วย การเข้าซื้อในช่วงที่ราคาสูงมากๆ อาจมีความ เสี่ยง ที่จะขาดทุนได้หากราคาปรับฐานลงมา

7. การแข็งค่าหรืออ่อนค่าของเงินบาท มีผลต่อราคาทองคำในประเทศอย่างไร?

ค่าเงินบาท ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับ ดอลลาร์สหรัฐ จะทำให้ ราคาทองคำ ในประเทศ (ที่คำนวณจากราคาทองคำโลกเป็นดอลลาร์) มีราคาถูกลง ในทางกลับกัน หากเงินบาทอ่อนค่าลง ราคาทองคำในประเทศก็จะแพงขึ้น แม้ ราคาทองคำโลก จะทรงตัวก็ตาม

8. มีข้อควรระวังหรือความเสี่ยงอะไรบ้างที่นักลงทุนทองคำในไทยควรรู้?

นักลงทุนทองคำใน ประเทศไทย ควรระวัง ความผันผวนของราคา, ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน, ความเสี่ยงจากผู้ให้บริการ การลงทุน (ควรเลือก ร้านทอง หรือโบรกเกอร์ที่ได้รับอนุญาตและเชื่อถือได้), และความเสี่ยงจากการเก็บรักษา ทองคำแท่ง หรือ ทองรูปพรรณ ด้วยตนเอง

9. ถ้าทองคำร่วง ควรทำอย่างไร?

หาก ทองคำร่วง ลงอย่างรวดเร็ว การตัดสินใจว่าจะขายทิ้งหรือถือต่อขึ้นอยู่กับ เป้าหมายการลงทุน และระยะเวลาที่วางแผนไว้ หากเป็นการลงทุนระยะยาวเพื่อ สินทรัพย์ปลอดภัย หรือป้องกัน เงินเฟ้อ การถือต่ออาจเป็นทางเลือกที่ดี แต่หากเป็นการลงทุนระยะสั้นเพื่อเก็งกำไร อาจต้องพิจารณาจุดตัดขาดทุนที่กำหนดไว้

10. ทำไมบางครั้งราคาทองคำในร้านทองไทยถึงต่างจากราคาทองคำโลกมาก?

ความแตกต่างเกิดจากหลายปัจจัยหลัก: 1) อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท ที่ผันผวน 2) ค่าธรรมเนียมและค่าดำเนินการของ ร้านทอง รวมถึงค่าขนส่งและค่าประกัน 3) มาตรฐานน้ำหนัก ทองคำ ของไทย (บาททองคำ) ที่ต่างจากหน่วยสากล (ออนซ์) และ 4) อุปสงค์และอุปทาน ในตลาดภายใน ประเทศไทย เอง

發佈留言